เมนู

สุมังคลเถราปทานที่ 10 (20)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายอาหาร


[22] เราประสงค์จะบูชาเครื่องเซ่นสรวง จึงให้ตกแต่งโภชนา-
หาร ยืนอยู่ที่โรงใหญ่ คอยต้อนรับพราหมณ์ทั้งหลาย ครั้งนั้น
เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคสัมพุทธเจ้า พระนามว่าปิยทัสสี
ทรงมียศมาก ทรงนำโลกทั้งปวงให้วิเศษ เป็นสยัมภู อัคร-
บุคคลผู้โชติช่วง อันพระสาวกทั้งหลายแวดล้อม รุ่งเรืองดัง
พระอาทิตย์ เสด็จดำเนินไปในถนน จึงประนมอัญชลียังจิต
ของตนให้เลื่อมใส นิมนต์ด้วยใจเท่านั้นว่า ขอเชิญพระมหา
มุนีเสด็จมา.

พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก ทรงทราบความดำริของเรา
เสด็จมาสูประตู. (เรือน) เรากับพระขีณาสพหนึ่งพัน (เรา
ทูลว่า) ขอนอบน้อมแด่พระองค์ผู้บุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อม
แด่พระองค์ผู้อุดมบุรุษ ขอเชิญเสด็จขึ้นปราสาทประทับนั่งบน
อาสนะอันอุดมเถิด พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงฝึกพระองค์แล้ว มีบริวารอันฝึก
แล้ว ทรงข้ามพ้นแล้ว ประเสริฐกว่าบรรดาผู้ข้าม เสด็จขึ้น
ปราสาทแล้ว ประทับนั่งบนอาสนะอันประเสริฐ อามิสใด
ที่เรารวบรวมไว้อันมีอยู่ในเรือนตน เรามีจิตเลื่อมใส ได้ถวาย
อามิสนั้น แด่พระพุทธเจ้าด้วยมือทั้งสองของตนโดยเคารพ
เรามีจิตเลื่อมใส มีใจผ่องแผ้ว เกิดโสมนัส ประนมอัญชลี
นมัสการพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดว่า โอ พระพุทธเจ้าผู้

ประเสริฐ ในระหว่างพระอริยบุคคล 8 นั่งฉันอยู่ ผู้เป็นพระ-
ขีณาสพเป็นอันมาก พระองค์ทรงมีอานุภาพโอฬาร เรา
นับถือพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นสรณะ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปิยทัสสี ผู้เป็นเชษฐบุรุษ
ของโลก ประเสริฐกว่านระ ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์
แล้วตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดได้นิมนต์สงฆ์ผู้ซื่อตรง มีจิตมั่นคง และพระตถาคต
สัมพุทธเจ้าให้ฉัน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟัง
เรากล่าว

ผู้นั้นจักได้เสวยเทวราชสมบัติ 27 ครั้ง จักยินดียิงใน
กรรมของตน รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก จักได้เป็นพระเจ้าจักร
พรรดิ 80 ครั้ง จักได้เป็นพระราชาในแผ่นดินครอบครองพสุธา
500 ครั้ง

เราเข้าป่าไพรวันอันสัตว์ร้าย (เสือโคร่ง) อาศัยอยู่ เริ่ม
ตั้งความเพียรแล้ว เผากิเลสได้ ในกัปที่ 1,800 เราได้ให้
ทานใดในเวลานั้น ด้วยผลแห่งทานนั้น เราไม่รู้ทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอาหาร

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา6
เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จ
แล้วฉะนี้แล.

ทราบว่า ท่านพระสุมังคลเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบสุมังคลเถราปทาน

20. อรรถาถาสุมังคลเถราปทาน


อปทานของท่านพระสุมังคลเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อาหุตึ ยิฏฺฐุ-
กาโมหํ
ดังนี้.
แม้ท่านสุมังคละนี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาล
แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปิยทัสสี บังเกิดเป็นรุกขเทวดา.
วันหนึ่งท่านเห็นพระศาสดาทรงสรงสนาน มีจีวรผืนเดียวประทับยืน ถึง
โสมนัสปรบมือ ด้วยบุญนั้นท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ ใน
พุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลแห่งคนเข็ญใจ ด้วยวิบากเครื่องไหล
ออกแห่งกรรมเช่นนั้น ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง ไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถี.
ท่านได้มีชื่อว่า สุมังคละ ดังนี้ . ท่านเจริญวัยแล้ว เป็นผู้มีเดียว มีไถ. มี
จอบอันเป็นสมบัติของคนค่อมเป็นบริขาร เลี้ยงชีพด้วยการไถ. วันหนึ่ง
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงบำเพ็ญมหาทานให้เป็นไปแก่พระผู้มีพระภาค-
เจ้าและภิกษุสงฆ์ เขาถือหม้อนมส้มเดินรวมกันกับมนุษย์ทั้งหลายผู้ถือเอา
เครื่องอุปกรณ์ทานเดินมา เห็นเครื่องสักการะและสัมมานะของพระผู้มี
พระภาคเจ้า ของภิกษุทั้งหลาย จึงคิดว่าสมณศากยบุตรเหล่านี้ นุ่งผ้า
เนื้อละเอียด เสวยโภชนะดี ๆ อยู่ในที่สงัดลม ไฉนหนอ แม้เราก็จะพึง
บวช จึงเข้าไปหาพระเถระรูปหนึ่งแล้วแจ้งความประสงค์ของตน. พระ-
มหาเถระนั้นมีความกรุณาท่าน จึงให้ท่านบวชแล้วบอกกรรมฐาน. ท่าน
อยู่ในป่าเบื่อหน่ายกระสันในที่อยู่ผู้เดียว ใคร่จะสึก จึงไปบ้านญาติ เห็น
มนุษย์ในระหว่างทาง ต่างถกกระเบนไถนาอยู่ นุ่งผ้าปอน ๆ มีร่างกาย
เปื้อนด้วยธุลีโดยรอบซูบซีดด้วยลมและแดดไถนาอยู่ จึงได้ความสังเวชว่า