เมนู

ทีนั้น มารดาจึงพูดกะบุตรว่า "พ่อ เจ้าให้แม่นำนางกุมาริกามาตาม
ชอบใจของเจ้าแล้ว บัดนี้ นางกุมาริกานั้นเป็นหมัน, ก็ธรรมดา
ตระกูลที่ไม่มีบุตรย่อมฉิบทาย. ประเพณีย่อมไม่สืบเนื่องไป, เพราะฉะนั้น
แม่จักนำนางกุมาริกาคนอื่นมา (ให้เจ้า)" แม้บุตรนั้นกล่าวห้ามอยู่ว่า
"อย่าเลย แม่" ดังนี้ ก็ยังได้กล่าว (อย่างนั้น) บ่อยๆ. หญิงหมัน
ได้ยินคำนี้ จึงคิดว่า "ธรรมดาบุตร ย่อมไม่อาจฝืนคำมารดาบิดา
ไปได้, บัดนี้ แม่ผัวคิดจะนำหญิงอื่น ผู้ไม่เป็นหมันมาแล้ว ก็จักใช้เรา
อย่างทาสี, ถ้าอย่างไรเราพึงนำนางกุมาริกาคนหนึ่งมาเสียเอง" ดังนี้แล้ว
จึงไปยังตระกูลแห่งหนึ่ง ขอนางกุมาริกา เพื่อประโยชน์แก่สามี, ถูก
พวกชนในตระกูลนั้นห้ามว่า "หล่อนพูดอะไรเช่นนั้น" ดังนี้แล้ว จึง
อ้อนวอนว่า "ฉันเป็นหมัน ตระกูลที่ไม่มีบุตร ย่อมฉิบทาย บุตรีของ
ท่านได้บุตรแล้ว จักได้เป็นเจ้าของสมบัติ, ขอท่านโปรดยกบุตรีนั้นให้
แก่สามีของฉันเถิด" ดังนี้แล้ว ยังตระกูลนั้นให้ยอมรับแล้ว จึงนำมา
ไว้ในเรือนของสามี.
ต่อมา หญิงหมันนั้น ได้มีความปริวิตกว่า "ถ้านางคนนี้จักได้
บุตรหรือบุตรีไซร้ จักเป็นเจ้าของสมบัติแต่ผู้เดียว, ควรเราจะทำนางอย่า
ให้ได้ทารกเลย."

เมียหลวงปรุงยาทำลายครรภ์เมียน้อย


ลำดับนั้น หญิงหมันจึงพูดกะนางนั้นว่า "ครรภ์ตั้งขึ้นในท้อง
หล่อนเมื่อใด ขอให้หล่อนบอกแก่ฉันเมื่อนั้น." นางนั้นรับว่า "จ้ะ"
เมื่อครรภ์ตั้งแล้ว ได้บอกแก่หญิงหมันนั้น. ส่วนหญิงหมันนั้นแลให้

ข้าวต้มและข้าวสวยแก่นางนั้นเป็นนิตย์. ภายหลัง นางได้ให้ยาสำหรับ
ทำครรภ์ให้ตก ปนกับอาหารแก่นางนั้น. ครรภ์ก็ตก [แท้ง]. เมื่อ
ครรภ์ตั้งแล้วเป็นครั้งที่ 2 นางก็ได้บอกแก่หญิงหมันนั้น. แม้หญิงหมัน
ก็ได้ทำครรภ์ให้ตก ด้วยอุบายอย่างนั้นนั่นแล เป็นครั้งที่ 2.
ลำดับนั้น พวกหญิงที่คุ้นเคยกัน ได้ถามนางนั้นว่า "หญิงร่วม
สามีทำอันตรายหล่อนบ้างหรือไม่ ? นางแจ้งความนั้นแล้ว ถูกหญิง
เหล่านั้นกล่าวว่า "หญิงอันธพาล เหตุไร หล่อนจึงได้ทำอย่างนั้นเล่า ?
หญิงหมันนี้ ได้ประกอบยาสำหรับทำครรภ์ให้ตกให้แก่หล่อน เพราะ
กลัวหล่อนจะเป็นใหญ่, เพราะฉะนั้น ครรภ์ของหล่อนจึงตก, หล่อน
อย่าได้ทำอย่างนี้อีก." ในครั้งที่ 3 นางจึงมิได้บอก. ต่อมา [ฝ่าย]
หญิงหมันเห็นท้องของนางนั้นแล้วจึงกล่าวว่า "เหตุไร ? หล่อนจึงไม่
บอกความที่ครรภ์ตั้งแก่ฉัน " เมื่อนางนั้นกล่าวว่า "หล่อนนำฉันมาแล้ว
ทำครรภ์ให้ตกไปเสียถึง 2 ครั้งแล้ว, ฉันจะบอกแก่หล่อนทำไม ?" จึง
คิดว่า "บัดนี้ เราฉิบหายแล้ว คอยแลดูความประมาทของนางกุมาริกา
นั้นอยู่. เมื่อครรภ์แก่เต็มที่แล้ว, จึงได้ช่อง ได้ประกอบยาให้แล้ว
ครรภ์ไม่อาจตก เพราะครรภ์แก่ จึงนอนขวาง [ทวาร]. เวทนา
กล้าแข็งขึ้น. นางถึงความสิ้นชีวิต.1
นางตั้งความปรารถนาว่า "เราถูกมันให้ฉิบหายแล้ว, มันเองนำ
เรามา ทำทารกให้ฉิบหายถึง 3 คนแล้ว, บัดนี้ เราเองก็จะฉิบหาย,
บัดนี้ เราจุติจากอัตภาพนี้ พึงเกิดเป็นนางยักษิณี อาจเคี้ยวกินทารก
ของมันเถิด" ดังนี้แล้ว ตายไปเกิดเป็นแม่แมวในเรือนนั้นเอง. ฝ่าย
สามี จับหญิงหมันแล้ว กล่าวว่า "เจ้าได้ทำการตัดตระกูลของเราให้

1.ชีวิตกฺขยํ.

ขาดสูญ" ดังนี้แล้ว ทุบด้วยอวัยวะทั้งหลายมีศอกและเข่าเป็นต้นให้
บอบซ้ำแล้ว. หญิงหมันนั้นตายเพราะความเจ็บนั้นแล แล้วได้เกิดเป็น
แม่ไก่ในเรือนนั้นเหมือนกัน.

ผลัดกันสังหารคนละชาติด้วยอำนาจผูกเวร


จำเนียรกาลไม่นาน แม่ไก่ได้ตกฟองหลายฟอง. แม่แมวมากิน
ฟองไก่เหล่านั้นเสีย. ถึงครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 มันก็ได้กินเสียเหมือนกัน.
แม่ไก่ทำความปรารถนาว่า "มันกินฟองของเราถึง 3 ครั้งแล้ว เดี๋ยวนี้
มันก็อยากกินตัวเราด้วย. เดี๋ยวนี้ เราจุติจากอัตภาพนี้แล้ว พึงได้กินมัน
กับลูกของมัน" ดังนี้แล้ว จุติจากอัตภาพนั้น ได้เกิดเป็นแม่เสือเหลือง.
ฝ่ายแม่แมว ได้เกิดเป็นแม่เนื้อ. ในเวลาแต่เนื้อนั้นคลอดลูกแล้ว ๆ
แม่เสือเหลือง ก็ได้มากินลูกทั้งหลายเสียถึง 3 ครั้ง. เมื่อเวลาจะตาย
แม่เนื้อทำความปรารถนาว่า "พวกลูกของเรา แม่เสือเหลืองตัวนี้กินเสีย
ถึง 3 ครั้งแล้ว เดี๋ยวนี้มันจักกินตัวเราด้วย. เดี๋ยวนี้เราจุติจากอัตภาพนี้
แล้ว พึงได้กินมันกับลูกของมันเถิด" ดังนี้แล้ว ได้ตายไปเกิดเป็น
นางยักษิณี. ฝ่ายแม่เสือเหลือง จุติจากอัตภาพนั้นแล้วได้เกิดเป็นกุลธิดา*
ในเมืองสาวัตถี. นางถึงความเจริญแล้ว ได้ไปสู่ตระกูลสามีในบ้านริม
ประตู [เมือง]. ในกาลต่อมา นางได้คลอดบุตรคนหนึ่ง. นางยักษิณี
จำแลงตัวเป็นหญิงสหายที่รักของเขามาแล้ว ถามว่า "หญิงสหายของฉัน
อยู่ที่ไหน ?" พวกชาวบ้านได้บอกว่า "เขาคลอดบุตรอยู่ภายในห้อง."
นางยักษิณีฟังคำนั้น แสร้งพูดว่า "หญิงสหายของฉันคลอดลูกเป็นชาย
หรือหญิงหนอ. ฉันจักดูเด็กนั้น" ดังนี้แล้วเข้าไปทำเป็นแลดูอยู่ จับ

1. หญิงสาวของตระกูล หญิงสาวในตระกูล หรือหญิงสาวมิตระกูล.