เมนู

"เมื่อท่านให้ทานน้อยหรือมาก ในเรือนของ
ตน หรือรักษาอุโบสถกรรมเช่นนั้นอยู่ ข้าพเจ้า
ไม่เห็น, ท่านไปเทวโลกได้เพราะกรรมอะไร ?"

มาณพได้กล่าวว่า
"ข้าพเจ้ามีโรค เจ็บลำบาก มีการระส่ำ
ระสายอยู่ในเรือนของตน, ได้เห็นพระพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากกิเลสธุลี ข้ามความสงสัยเสียได้
เสด็จไปดี มีพระปัญญาไม่ทราม, ข้าพเจ้านั้น
มีใจเบิกบานแล้ว มีจิตเลื่อมใสแล้ว ได้ถวาย
อัญชลีแด่พระตถาคตเจ้า. ข้าพเจ้าได้ทำกุศล-
กรรมนั้นแล้ว จึงได้ถึงความเป็นเพื่อนของเหล่า
ไตรทศ (เทพดา)."


พราหมณ์ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ


เมื่อมาณพนั้น กำลังพูดพร่ำอยู่นั่นเทียว, สรีระทั้งสิ้นของ
พราหมณ์ก็เต็มแล้วด้วยปีติ. เขาเมื่อจะประกาศปีตินั้น จึงกล่าวว่า
"น่าอัศจรรย์หนอ น่าประหลาดหนอ วิบาก
ของการทำอัญชลีนี้ เป็นไปได้เช่นนี้ แม้
ข้าพเจ้า มีใจเบิกบานแล้ว มีจิตเลื่อมใสแล้ว
ถึงพระพุทธเจ้าว่า เป็นสรณะในวันนี้แล."

เทพบุตรโอวาทพราหมณ์แล้วก็หายตัวไป


ลำดับนั้น มาณพได้กล่าวตอบว่า
"ท่านจงเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสแล้ว ถึงพระ-
พุทธเจ้า ทั้งพระธรรม ทั้งพระสงฆ์ ว่าเป็น
สรณะในวันนี้แล ท่านจงเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส
อย่างนั้นนั่นแล สมาทานสิกขาบท 5 อย่า
ให้ขาดทำลาย, จงรีบเว้นจากปาณาติบาต (การ
ฆ่าสัตว์) จงเว้นของที่เจ้าของยังไม่ให้ในโลก,
จงอย่าดื่มน้ำเมา, จงอย่าพูดปด, และจงเป็น
ผู้เต็มใจด้วยภรรยาของตน."

เขารับว่า "ดีแล้ว" ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า
"ดูก่อนยักษ์1 ท่านเป็นผู้ใคร่ประโยชน์
แก่ข้าพเจ้า, ดูก่อนเทพดา ท่านเป็นผู้ใคร่สิ่งที่
เกื้อกูลแก่ข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจะทำ (ตาม)
ถ้อยคำของท่าน, ท่านเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า,
ข้าพเจ้าเข้าถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะด้วย,
ข้าพเจ้าเข้าถึงแม้พระธรรม ซึ่งไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่า
ว่าเป็นสรณะด้วย, ข้าพเจ้าเข้าถึงพระสงฆ์ของ
พระพุทธเจ้าผู้เป็นมนุษย์ (พิเศษ) ดุจเทพดา
ว่าเป็นสรณะด้วย, ข้าพเจ้าจะรีบเว้นจาก


1. คำนี้ในที่อื่นหมายถึงผู้ดุร้าย แต่ในที่นี้หมายถึงผู้อันบุคคลควรบูชา.