เมนู

หญิงงามเมืองทั้งหลาย ย่อมเลี้ยงลูกหญิง ไม่เลี้ยงลูกชาย; เพราะเชื้อสาย
ของพวกหล่อนจะสืบไปได้ ก็ด้วยลูกหญิง. กาบ้าง สุนัขบ้าง ต่างพากัน
จับกลุ่มแวดล้อมเด็กไว้. ด้วยผลแห่งการเห่า อันเกิดแต่ความรักในพระ-
ปัจเจกพุทธเจ้า สัตว์ตัวหนึ่งก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้. ในขณะนั้น คนผู้หนึ่ง
ออกไปนอกบ้านเห็นการจับกลุ่มของกาและสุนัขนั้น คิดว่า "นี่มันเหตุ
อะไรกันหนอ ?" จึงเดินไปที่นั้น เห็นทารก หวนได้ความรักเหมือน
ดังลูก จึงนำไปสู่เรือนด้วยดีใจว่า " เราได้ลูกชายแล้ว."

นางกาลีนำโฆสกทารกไปให้โคเหยียบ


ในกาลครั้งนั้น เศรษฐีชาวเมืองโกสัมพี ไปสู่ราชตระกูล พบ
ปุโรหิตเดินมาแต่พระราชวัง จึงถามว่า "ท่านอาจารย์ วันนี้ท่านได้
ตรวจตราดูความประกอบของดาวนักษัตร1 อันเป็นเหตุเคราะห์ดีเคราะห์-
ร้ายแล้วหรือ ?"
ปุโรหิต. จ้ะ ท่านมหาเศรษฐี. กิจอะไรอื่นของพวกเราไม่มี.
เศรษฐี. อะไรจะมีแก่ชนบทหรือ ? ท่านอาจารย์.
ปุโรหิต. อย่างอื่นไม่มี, แต่เด็กที่เกิดในวันนี้ จักได้เป็นเศรษฐี
ผู้ประเสริฐในเมืองนี้.
ครั้งนั้น ภรรยาของเศรษฐีมีครรภ์แก่, เพราะฉะนั้น เศรษฐีนั้น
จึงส่งคนใช้ไปสู่เรือนโดยเร็วด้วยคำว่า " จงไป จงทราบภรรยาของเรา
นั้นว่า ตลอดแล้ว หรือยังไม่ตลอด," พอทราบว่า " ยังไม่ตลอด,"
เฝ้าพระราชาเสร็จแล้ว รีบกลับบ้าน เรียกหญิงคนใช้ชื่อกาลีมาแล้ว

1. ติถิกรณนกฺขตฺตโยโค ความประกอบแห่งนักษัตรอันเป็นเครื่องกระทำซึ่งดิถี.

ให้ทรัพย์ 1 พัน กล่าวว่า เจ้าจงไป จงตรวจดูในเมืองนี้ ให้ทรัพย์
1 พัน พาเอาเด็กที่เกิดในวันนี้มา." นางกาลีนั้นตรวจตราดู ไปถึง
เรือนนั้น เห็นเด็กแล้ว จึงถามหญิงแม่บ้านว่า " เด็กนี้ เกิดเมื่อไร "
เมื่อหญิงนั้นตอบว่า " เกิดวันนี้," จึงพูดว่า " จงให้เด็กนี้แก่ฉัน จึง
ประมูลราคา ตั้งแต่ 1 กหาปณะเป็นต้น จนถึงให้ทรัพย์ 1 พันแล้ว นำเด็ก
นั้นไปแสดงแก่เศรษฐี. เศรษฐีคิดว่า " ถ้าว่าลูกของเรา จักเกิดเป็น
ลูกหญิง. เราจักให้มันอยู่ร่วมกับลูกสาวของเรานั้น แล้วทำให้มันเป็น
เจ้าของตำแหน่งเศรษฐี; ถ้าว่าลูกของเราจักเกิดเป็นลูกชาย เราก็จักฆ่า
มันเสีย " ดังนี้แล้ว จึงให้รับเด็กนั้นไว้ในเรือน. ต่อมา ภรรยาของ
เศรษฐีนั้นตลอดบุตรเป็นชาย โดยล่วงไป 2-3 วัน. เศรษฐีจึงคิดว่า
" เมื่อไม่มีเจ้าเด็กนี้ ลูกชายของเรา ก็จักได้ตำแหน่งเศรษฐี, บัดนี้
ควรที่เราจักฆ่ามันเสียเถิด " ดังนี้แล้ว จึงเรียกนางกาลีมาแล้ว กล่าวว่า
" แม่จงไป ในเวลาที่พวกโคออกจากคอก เจ้าจงเอาเด็กนี้ให้นอนขวาง
ไว้ที่กลางประตูคอก แม่โคทั้งหลายจักเหยียบมันให้ตาย, แต่ต้องรู้ว่า
โคเหยียบมันหรือไม่เหยียบแล้วจึงมา." นางกาลีนั้น ไปแล้ว พอนาย
โคบาลเปิดประตูคอกเท่านั้น ก็เอาเด็กนั้นให้นอนไว้ ตามนั้น (เหมือน
ที่เศรษฐีสั่ง). โคอุสภะซึ่งเป็นนายฝูง แม้ออกภายหลังโคทั้งปวงใน
เวลาอื่น (แต่) ในวันนั้น ออกไปก่อนกว่าโคอื่นทั้งหมด ได้ยืนคร่อม
ทารกไว้ในระหว่างเท้าทั้งสี่. แม่โคตั้งหลายร้อย ต่างก็พากันเบียดเสียด
ข้างทั้งสองของโคอุสภะออกไป. ถึงนายโคบาลก็คิดว่า "เจ้าโคอุสภะ
ตัวนี้ เมื่อก่อน ออกทีหลังโคทุกตัว, แต่วันนี้ ออกไปก่อนโคทั้งหมด
แล้วยืนนิ่งอยู่ที่ประตูคอกเที่ยว, นั่นจะมีเหตุอันใดหนอ ?" จึงเดินไป

แลเห็นเด็กนอนอยู่ภายใต้ท้องโคนั้น หวนกลับได้ความรักเสมือนบุตร
จึงนำไปสู่เรือน ด้วยคิดว่า " เราได้ลูกชายแล้ว." นางกาลี ไปแล้ว
ถูกเศรษฐีถาม จึงเล่าเรื่องนั้น อันเศรษฐีกล่าวว่า "เจ้าจงไป จงให้
ทรัพย์เขา 1 พันแล้ว นำมันกลับมาอีก" ดังนี้แล้ว ให้ทรัพย์ 1 พัน
แล้ว ได้นำกลับมาให้อีก.

นางกาลีนำโฆสกะไปให้เกวียนทับ


ครั้งนั้น เศรษฐีกล่าวกับนางกาลีว่า " แม่กาลี ในเมืองนี้มีพวก
เกวียน 500 เล่ม ลุกขึ้นแต่เช้ามืด ย่อมไปค้าขาย, เจ้าจงเอาเด็กนี้ไป
ให้นอนไว้ที่ทางเกวียน (ทางล้อ ) พวกโคจักเหยียบมันหรือล้อเกวียน
จักตัด (ตัวมัน) พอรู้เรื่องของมันแล้ว จึงกลับมา." นางกาลีนั้น
นำเด็กนั้นไปแล้ว ให้นอนอยู่ที่ทางเกวียน. ในกาลนั้นหัวหน้าเกวียน
ได้ไปข้างหน้า. ครั้งนั้น พวกโคของเขา ถึงที่นั้นแล้ว ต่างพากันสลัด
แอกเสีย. แม้จะถูกหัวหน้ายกขึ้นแล้วขับไปตั้งหลายครั้ง ก็ไม่เดินไป
ข้างหน้า. เมื่อหัวหน้านั้น พยายามอยู่กับโคทั้งสองนั้นอย่างนี้เทียว
อรุณขึ้นแล้ว (ก็พอสว่าง). เขาจึงคิดว่า "โคทั้งสองพากันทำเหตุนี้
เพราะอะไร ? " จึงตรวจตราดูทาง เห็นทารกแล้วก็คิดว่า " กรรมของ
เขาหนักหนอ" ความยินดีว่า "เราได้ลูกชายแล้ว" จึงนำเด็กนั้นไป
สู่เรือน. นางกาลีไปแล้ว อันเศรษฐีถาม จึงบอกความเป็นไปนั้น อัน
เศรษฐีบอกว่า "เจ้าจงไปให้ทรัพย์ (เขา) 1 พันแล้ว จงนำเด็กนั้น
กลับมาอีก" ดังนี้แล้ว ได้กระทำตามนั้นแล้ว.