เมนู

เทวทัตนั้นอีก ตรัสชาดกทั้งหลายเป็นต้นว่า
"ดูก่อนไม้มะลื่น ข้อที่เจ้ากลิ้งมานี้ กวางรู้
แล้ว, เราจักไปยังไม้มะลื่นต้นอื่น เพราะว่าผลของ
เจ้า เราไม่ชอบใจ1"

เมื่อกถายังเป็นไปอยู่อีกว่า "พระเทวทัตเสื่อมแล้วจากผล 2 ประการ คือ
จากลาภและสักการะประการหนึ่ง จากสามัญผลประการหนึ่ง," พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น, แม้ครั้งก่อน
เทวทัตก็เสื่อมแล้วเหมือนกัน " ดังนี้แล้ว ตรัสชาดกทั้งหลายเป็นต้นว่า
"ตาทั้งสองแตกแล้ว, ผ้าก็หายแล้ว, และ
เพื่อนบ้านก็บาดหมางกัน, ผัวและเมียสองคนนั้น
มีการงานเสียหายแล้วทั้งสองทาง คือ ทั้งทางน้ำ
ทั้งทางบก2."

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่กรุงราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัต
ตรัสชาดกเป็นอันมาก ด้วยประการอย่างนั้นแล้ว เสด็จ ( ออก ) จากกรุง
ราชคฤห์ไปสู่เมืองสาวัตถี ประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร.

พระเทวทัตให้สาวกนำไปเฝ้าพระศาสดา


ฝ่ายพระเทวทัตแล เป็นไข้ถึง 9 เดือน, ในกาลสุดท้าย ใคร่
จะเฝ้าพระศาสดา จึงบอกพวกสาวกของตนว่า " เราใคร่จะเฝ้าพระ-
ศาสดา, ท่านทั้งหลายจงแสดงพระศาสดานั้นแก่เราเถิด," เมื่อสาวก
เหล่านั้นตอบว่า " ท่านในเวลาที่ยังสามารถ ได้ประพฤติเป็นคนมีเวร
1. ขุ. ชา. 27/7. อรรถกถา. 1/261. กุรุงคมิคชาดก.
2. ขุ. ชา. 27/45. อรรถกถา. 2/274. อุภโตภัฏฐชาดก.

กับพระศาสดา, ข้าพเจ้าทั้งหลายจักนำท่านไปในที่พระศาสดาประทับอยู่
ไม่ได้." จึงกล่าวว่า " ท่านทั้งหลายอย่าให้ข้าพเจ้าฉิบหายเลย ข้าพเจ้า
ทำอาฆาตในพระศาสดา, แต่สำหรับพระศาสดาหามีความอาฆาตในข้าพเจ้า
แม้ประมาณเท่าปลายผมไม่," จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ทรงมีพระทัยสม่ำเสมอในบุคคลทั่วไป คือใน
นายขมังธนู ในพระเทวทัต ในโจรองคุลิมาล ใน
ช้างธนบาล และในพระราหุล.

เพราะฉะนั้น พระเทวทัตจึงอ้อนวอนแล้ว ๆ เล่า ๆ ว่า "ขอท่าน
ทั้งหลาย จงแสดงพระผู้มีพระภาคเจ้าแก่ข้าพเจ้า." ทีนั้น สาวกเหล่านั้น
จึงพาพระเทวทัตนั้นออกไปด้วยเตียงน้อย ภิกษุทั้งหลายได้ข่าวการมา
ของพระเทวทัตนั้น จึงกราบทูลพระศาสดาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข่าวว่า พระเทวทัตมาเพื่อประโยชน์จะเฝ้าพระองค์. " พระศาสดาตรัสว่า
"ภิกษุทั้งหลาย เทวทัตนั้นจักไม่ได้เห็นเราด้วยอัตภาพนั้น." นัยว่า พวก
ภิกษุย่อมไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าอีก จำเดิมแต่กาลที่ขอวัตถุ 5 ประการ,
ข้อนี้ย่อมเป็นธรรมดา, พวกภิกษุกราบทูลว่า " พระเทวทัตมาถึงที่โน้น
และที่โน้นแล้ว พระเจ้าข้า."
ศ. เทวทัตจงทำสิ่งที่ตนปรารถนาเถอะ, (แต่อย่างไรเสีย) เธอก็จัก
ไม่ได้เห็นเรา.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเทวทัตมาถึงที่ประมาณโยชน์หนึ่ง
แต่ที่นี้แล้ว, (และทูลต่อ ๆ ไปอีกว่า) มาถึงกึ่งโยชน์แล้ว, คาพยุต
หนึ่งแล้ว, มาถึงที่ใกล้สระโบกขรณีแล้ว พระเจ้าข้า.

ศ. แม้หากเทวทัตจะเข้ามาภายในพระเชตวัน, ก็จักไม่ได้เห็นเรา
เป็นแท้.

พระเทวทัตถูกธรณีสูบ


พวกสาวกพาพระเทวทัตมา วางเตียงลงริมฝั่งสระโบกขรณีใกล้
พระเชตวันแล้ว ต่างก็ลงไปเพื่อจะอาบน้ำในสระโบกขรณี.
แม้พระเทวทัตแล ลุกจากเตียงแล้วนั่งวางเท้าทั้งสองบนพื้นดิน
เท้าทั้งสองนั้นก็จมแผ่นดินลง. เธอจมลงแล้วโดยลำดับเพียงข้อเท้า,
เพียงเข่า, เพียงเอว, เพียงนม, จนถึงคอ, ในเวลาที่กระดูกคางจดถึง
พื้นดิน ได้กล่าวคาถานี้ว่า
"ข้าพระองค์ขอถึงพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้
เป็นบุคคลเลิศ เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ เป็นสารถี
ฝึกนรชน มีพระจักษุรอบคอบ มีพระลักษณะ แต่
ละอย่าง) เกิดด้วยบุญตั้งร้อย1 ว่าเป็นที่พึ่ง ด้วย
กระดูกเหล่านี้พร้อมด้วยลมหายใจ."

นัยว่า "พระตถาคตเจ้าทรงเห็นฐานะนี้ จึงโปรดให้พระเทวทัต
บวช. ก็ถ้าพระเทวทัตนั้น จักไม่ได้บวชไซร้, เป็นคฤหัสถ์ จักได้
ทำกรรมหนัก, จักไม่ได้อาจทำปัจจัยแห่งภพต่อไป, ก็แลครั้นบวชแล้ว
จักทำกรรมหนักก็จริง, ( ถึงดังนั้น ) ก็จะสามารถทำปัจจัยแห่งภพต่อไป
ได้" เพราะฉะนั้น พระศาสดาจึงโปรดให้เธอบวชแล้ว.

1. สตปุญฺญลกฺขณนฺติสเตน ปุญฺญกมฺเมน นิพฺพตฺตเอเกกลกฺขณนฺติ อตฺโถ.