เมนู

พระมารดาจึงไม่ทรงปรุงชื่อขนมไม่มีนี้ประทานเรา ตลอดเวลาถึงเพียงนี้,
ตั้งแต่นี้ไป เราจักไม่กินขนมอื่น," ดังนี้แล้ว เสด็จไปสู่ตำหนัก ทูลถาม
พระมารดาว่า "เจ้าแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเจ้าแม่หรือไม่เป็นที่รัก ?"
ม. พ่อ พ่อย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตา
ข้างเดียว และเหมือนดวงใจ (ของแม่ ) ฉะนั้น.
อ. เมื่อเช่นนั้น เหตุไร เจ้าแม่จึงไม่ทรงปรุงขนมไม่มี ประทาน
แก่หม่อนฉันตลอดเวลาถึงเพียงนี้เล่า เจ้าแม่.
พระนางรับสั่งถามมหาดเล็กคนสนิทว่า "ขนมอะไร ๆ มีอยู่ใน
ถาดหรือ พ่อ. เขาทูลว่า " ข้าแต่พระแม่เจ้า ถาดเต็มเปี่ยมด้วยขนม,
ชื่อว่าขนมเห็นปานนี้ กระหม่อมฉันก็ยังไม่เคยเห็นแล้ว." พระนางทรง
พระดำริว่า "บุตรของเราจักเป็นผู้มีบุญ มีอภินิหารได้ทำไว้แล้ว, เทวดา
ทั้งหลายจักใส่ขนมให้เต็มถาดส่งไปแล้ว. ลำดับนั้นพระโอรสจึงทูลพระ-
มารดาว่า "เจ้าแม่ ตั้งแต่นี้ไป หม่อมฉันจักไม่เสวยขนมอื่น, ขอเจ้าแม่
พึงปรุงแต่ขนมไม่มีอย่างเดียว." ตั้งแต่นั้นมา แม้พระนาง เมื่อพระกุมาร
นั้นทูลว่า "หม่อมฉันต้องการเสวยขนม" ก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นแล
ด้วยถาดอื่น ส่งไปประทานพระกุมารนั้น. เทวดาทั้งหลายส่งขนมทิพย์
ถวายพระกุมารนั้นตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส.1

เจ้าทั้งสองสนทนากันถึงเรื่องบวชและการงาน


พระกุมารนั้นเมื่อไม่ทรงทราบแม้คำมีประมาณเท่านี้ จักทรงทราบ
ถึงการบวชได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น พวกกุมารจึงทูลถามพระภาดาว่า
การบวชนี้เป็นอย่างไร ?" เมื่อเจ้ามหานามตรัสว่า "ผู้บวช ต้องโกนผม

1. อคารมชฺเฌ วสิ. ประทับอยู่ในท่ามกลางเรือน.

และหนวด ต้องนุ่งห่มผ้ากาสายะ ต้องนอนบนเครื่องลาดด้วยไม้ หรือ
บนเตียงที่ถักด้วยหวาย เที่ยวบิณฑบาตอยู่, นี้ชื่อว่าการบวช." จึงทูลว่า
" เจ้าพี่ หม่อมฉันเป็นสุขุมาลชาติ, หม่อมฉันจักไม่สามารถบวชได้."
เจ้ามหานามตรัสว่า "พ่อ ถ้าอย่างนั้น พ่อจงเรียนการงานอยู่เป็น
ฆราวาสเถิด, ก็ในเราทั้งสองจะไม่บวชเลยสักคนไม่ควร ."
ขณะนั้น อนุรุทธกุมารทูลถามเจ้าพี่ว่า " ชื่อว่าการงานนี้
อย่างไร ?" กุลบุตรผู้ไม่รู้แม้สถานที่เกิดแห่งภัต จักรู้จักการงานได้
อย่างไร ?

เจ้าศากยะทั้ง 3 สนทนากันถึงที่เกิดแห่งภัต


ก็วันหนึ่ง การสนทนาเกิดขึ้นแก่กษัตริย์ 3 องค์ว่า " ชื่อว่าภัต
เกิดขึ้นที่ไหน ?" กิมพิลกุมาร รับสั่งว่า "เกิดขึ้นในฉาง ." ครั้งนั้น
ภัททิยกุมาร ตรัสค้านกิมพิลกุมารนั้นว่า " ท่านยังไม่ทราบที่เกิดแห่ง
ภัต, ชื่อว่าภัต ย่อมเกิดขึ้นที่หม้อข้าว." อนุรุทธะตรัสแย้งว่า "ถึง
ท่านทั้งสองก็ยังไม่ทรงทราบ, ธรรมดาภัต ย่อมเกิดขึ้นในถาดทองคำ
ประมาณศอกกำ."
ได้ยินว่า บรรดากษัตริย์ 3 องค์นั้น วันหนึ่ง กิมพิลกุมาร ทรง
เห็นเขาขนข้าวเปลือกลงจากฉาง ก็เข้าพระทัยว่า "ข้าวเปลือกเหล่านี้
เกิดขึ้นแล้วในฉางนั่นเอง."
ฝ่ายพระภัททิยกุมาร วันหนึ่ง ทรงเห็นเขาคดภัตออกจากหม้อข้าว
ก็เข้าพระทัยว่า "ภัตเกิดขึ้นในหม้อข้าวนั่นเอง."
ส่วนอนุรุทธกุมาร ยังไม่เคยทรงเห็นคนซ้อมข้าว คนหุงข้าว หรือ