เมนู

โคดมที่อาศัยอยู่ ณ เมืองโกสัมพี ก็ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น เป็นผู้ใคร่ในความ
เป็นผู้มีเสียงเบา แนะนำในความมีเสียงเบา กล่าวสรรเสริญเสียงเบา ถ้ากระไร
สมณะชื่ออานนท์นั้น ทราบว่าบริษัทมีเสียงเบาแล้ว พึงสำคัญที่จะเข้ามาใกล้.
ลำดับนั้น ปริพาชกเหล่านั้นได้นิ่งอยู่ ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปหาปริพาชกถึง
ที่ใกล้ สันทกปริพาชกได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า เชิญมาเถิดท่านพระ-
อานนท์ ท่านพระอานนท์มาดีแล้ว ต่อนาน ๆ ท่านพระอานนท์จึงจะได้ทำเหตุ
เพื่อจะมาในที่นี้ เชิญนั่งเถิดท่านพระอานนท์ นี้อาสนะปูไว้แล้ว ท่านพระ-
อานนท์นั่งบนอาสนะที่ปูไว้แล้ว แม้สันทกปริพาชกถือเอาอาสนะอันต่ำแห่งหนึ่ง
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

ธรรมิกกถา


[294] ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกะสันทกปริพาชกว่า ดูก่อนสันทกะ
เมื่อกี้นี้ ท่านทั้งหลายประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร และเรื่องอะไรที่ท่าน
ทั้งหลายหยุดค้างไว้ในระหว่าง
ส. ท่านพระอานนท์ เรื่องที่ข้าพเจ้าทั้งหลายประชุมสนทนาเมื่อกี้นั้น
ขอยกไว้เสียเถิด เรื่องนั้นท่านพระอานนท์จักได้ฟังแม้ในภายหลังโดยไม่ยาก ดี
ละหนอ ขอเรื่องที่เป็นธรรมในลัทธิแห่งอาจารย์ของตนจงแจ้งแก่ท่านพระ
อานนท์เถิด.
อา. ดูก่อนสันทกะ ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง จงมนสิการให้ดี เราจัก
กล่าว สันทกปริพาชกรับคำท่านพระอานนท์แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กล่าวว่า
ดูก่อนสันทกะ ลัทธิสมัยอันไม่เป็นโอกาสที่จะอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ 4
ประการนี้และพรหมจรรย์อันเว้นความยินดี 4 ประการ ที่วิญญูชนไม่ฟังอยู่

ประพฤติพรหมจรรย์เลย ถึงเมื่ออยู่ก็พึงยังกุศลธรรมเครื่องออกไปจากทุกข์ให้
สำเร็จไม่ได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์
ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ ตรัสไว้แล้ว.
ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ก็ลัทธิสมัยอันไม่เป็นโอกาสที่จะอยู่ประพฤติ
พรหมจรรย์ 4 ประการ ที่วิญญูชนไม่พึงอยู่ประพฤติพรหมจรรย์เลย ถึงเมื่อ
อยู่ก็พึงยังกุศลธรรมเครื่องออกไปจากทุกข์ให้สำเร็จไม่ได้ อันพระผู้มีพระภาค-
เจ้าพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ
ตรัสไว้แล้วนั้น เป็นไฉน.
[295] ดูก่อนสันทกะ ศาสดาบางคนในโลกนี้ มีปกติกล่าวอย่างนี้
มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล
ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาบิดาไม่มี
สัตว์ผู้ผุดเกิดขึ้นไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งกระทำโลกนี้
และโลกหน้าให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง และสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ไม่มีในโลก
คนเรานี้เป็นแต่ประชุมมหาภูตทั้งสี่ เมื่อทำกาลกิริยา ธาตุดิน ไปตามธาตุดิน
ธาตุน้ำไปตามธาตุน้ำ ธาตุไฟไปตามธาตุไฟ ธาตุลมไปตามธาตุลม อินทรีย์
ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปสู่อากาศ คนทั้งหลายมีเตียงเป็นที่ 5 จะหามเขาไป
เมื่อตายแล้ว ร่างกายปรากฏอยู่แค่ป่าช้า กลายเป็นกระดูกมีสีดุจนกพิลาป การ
เซ่นสรวงมีเถ้าเป็นที่สุด ทานนี้คนเขลาบัญญัติไว้ คำของคนบางพวกพูดว่า มี
ผล ๆ ล้วนเป็นคำเปล่า คำเท็จ คำเพ้อ เพราะกายสลาย ทั้งพาลทั้งบัณฑิต
ย่อมขาดสูญพินาศสิ้น เบื้องหน้าแต่ตายไป ย่อมไม่มี ดังนี้.

ว่าด้วยอพรหมจริยวาส


[296] ดูก่อนสันทกะ ในลัทธิของศาสดานั้น วิญญูชนย่อมตระหนัก
ดังนี้ว่า ท่านศาสดาผู้มีปกตกล่าวอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า การบูชาไม่มี