เมนู

และปัญญาของอุบาสกนั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง ดูก่อน
อนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสก แม้ด้วยประการฉะนี้แล.

ความอยู่ผาสุกของอุบาสิกา


[202] ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า
อุบาสิกาชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า เป็นผู้ผุดเกิด
ขึ้น จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะโอ-
รัมภาคิยสังโยชน์ห้าสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันอุบาสิกานั้นได้เห็นเองหรือ
ได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรม
อย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มี
วิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง อุบาสิกา
นั้น เมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น จะน้อมจิต
เข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญ
ย่อมมีได้แก่อุบาสิกา แม้ด้วยประการฉะนี้แล ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสิกา
ในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่า อุบาสิกาชื่อนี้ทำกาละแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
พยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมายังโลกนี้เพียงคราวเดียว แล้วทำ
ที่สุดทุกข์ได้ เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป เพราะราคะ โทสะ และโมหะ เบาบาง
ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันอุบาสิกานั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้องหญิงนั้น
เป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิง
นั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง ว่า
น้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง อุบาสิกานั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา ศีล
สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่าง

นั้นบ้าง ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสิกา แม้ด้วย
ประการฉะนี้แล.
ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ได้ฟังมาว่าอุบาสิกา
ชื่อนี้ทำกาละแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความ
ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะสังโยชน์
สามสิ้นไป ก็น้องหญิงนั้นเป็นผู้อันอุบาสิกานั้นได้เห็นเองหรือได้ยินมาว่า น้อง
หญิงนั้นเป็นผู้มีศีลอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีธรรมอย่างนี้บ้าง ว่าน้อง
หญิงนั้นเป็นผู้มีปัญญาอย่างนี้บ้าง ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้มีวิหารธรรมอย่างนี้บ้าง
ว่าน้องหญิงนั้นเป็นผู้พ้นวิเศษแล้วอย่างนี้บ้าง อุบาสิกานั้นเมื่อระลึกถึงศรัทธา
ศีล สุตะ จาคะ และปัญญาของอุบาสิกานั้น จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็น
อย่างนั้นบ้าง ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย ความอยู่สำราญย่อมมีได้แก่อุบาสิกาแม้
ด้วยประการฉะนี้แล ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย ตถาคตย่อมพยากรณ์สาวกทั้งหลาย
ผู้ทำกาละไปแล้วในภพที่เกิดทั้งหลาย ว่าสาวกชื่อโน้นเกิดแล้วในภพโน้น สาวก
ชื่อโน้นเกิดแล้วในภพโน้น ดังนี้ เพื่อให้คนพิศวงก็หามิได้ เพื่อเกลี้ยกล่อม
คนก็หามิได้ เพื่ออานิสงส์คือลาภสักการะและความสรรเสริญก็หามิได้ ด้วย
ความประสงค์ว่า คนจงรู้จักเราด้วยเหตุนี้ก็หามิได้ ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย
กุลบุตรทั้งหลายผู้มีศรัทธา มีความยินดีมาก มีปราโมทย์มาก มีอยู่ กุลบุตร
เหล่านั้นได้ฟังคำพยากรณ์นั้นแล้ว จะน้อมจิตเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้นบ้าง
ข้อนั้นย่อมมีเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่กุลบุตรเหล่านั้นสิ้นกาลนาน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอนุรุทธะ
ยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วแล.

จบสฬกปานสูตรที่ 8

8. อรรถกถานฬกปานสูตร


นฬกปานสูตร

มีบทเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้สดับมา
อย่างนี้.
ในบรรดาบทเหล่านั้นบทว่า นฬกปาเน คือใกล้บ้านมีชื่ออย่างนี้. มี
เรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งก่อนพระโพธิสัตว์อุบัติในกำเนิดวานรมีร่างกายใหญ่ เป็น
พญาวานร มีวานรหลายพันเป็นบริวารเที่ยวไปที่เชิงภูเขา. พญาวานรมีบุญและ
มีปัญญามากสั่งสอนบริวารว่า นี่แน่เจ้าทั้งหลาย ที่เชิงภูเขานี้มีผลไม้เป็นพิษ.
ชื่อว่าสระโบกขรณี ก็มีอมนุษย์หวงแหน. พวกเจ้าจงกินผลไม้เฉพาะที่เคยกิน
เท่านั้น. ดื่มน้ำเฉพาะที่เคยดื่ม. ในข้อนี้ไม่มีกิจที่พวกเจ้าจะต้องถามเรา อนึ่ง
พวกเจ้ายังไม่ถามถึงผลไม้ที่ไม่เคยกิน น้ำที่ไม่เคยดื่มกะเราแล้วจงอย่ากิน อย่า
ดื่ม. วันหนึ่งวานรเหล่านั้นเที่ยวหาอาหารไปถึงเชิงภูเขาแห่งหนึ่งตรวจดูน้ำดื่ม
เห็นสระโบกขรณีมีอมนุษย์หวงแหนสระหนึ่ง จึงไม่รีบดื่ม นั่งล้อมอยู่โดยรอบ
รอคอยมหาสัตว์มา.
มหาสัตว์มาแล้วถามว่า ทำไมพวกเจ้าไม่ดื่มน้ำกันเล่า. พวกวานรตอบ
ว่ารอคอยท่านมาก่อน. พญาวานรกล่าวว่าดีแล้ว เจ้าทั้งหลาย แล้วสำรวจดูรอย
เท้าได้เห็นแต่รอยเท้าลงเท่านั้นไม่เห็นรอยเท้าขึ้นเลย จึงได้รู้ว่ามีอันตราย. ทัน
ใดนั้นเองอมนุษย์ที่เกิด ณ สระนั้น ได้ยืนแยกน้ำออกเป็นสองข้าง. รากษสน้ำ
มีหน้าแดงท้องเขียว มือเท้าแดง เขี้ยวใหญ่ เท้าคด รูปร่างน่าเกลียด กล่าวว่า
เพราะเหตุไรพวกเจ้าจึงไม่ดื่มน้ำเล่า น้ำอร่อย จงดื่มซิ พวกเจ้าเชื่อคำของ
พญาวานรนั้นหรือ. มหาสัตว์ถามว่า เจ้าเป็นอมนุษย์สิงอยู่ในสระนี้หรือ. ยักษ์
บอกว่า ถูกแล้วเราสิงอยู่ในสระนี้. มหาสัตว์ถามว่า ท่านจับผู้ที่ลงในสระนี้หรือ.