เมนู

เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้
ธรรมทั้งปวง ได้ติดข้องในธรรมทั้งปวง ละ
เว้นธรรมทั้งปวงไปในธรรมเป็นสิ้นตัณหา
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง เราจะพึงแสดงใครเล่า
ว่าเป็นอาจารย์ อาจารย์ของเราไม่มี ผู้ที่
เหมือนเราไม่มี ผู้ที่เทียบเสมอเราไม่มี ใน
โลกทั้งเทวโลก ความจริงเราเป็นพระอร-
หันต์เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยมเป็นเอกเป็นสัม-
มาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เย็น ดับกิเลศแล้ว
เราจะไปราชธานีของชาวกาสีเพื่อประกาศ
ธรรมจักร โดยหมายจะย่ำอมฤตเภรีกลอง
ธรรม ในโลกที่มืดมน.

อุปกอาชีวกถามเราว่า เหตุใดท่านจึงปฏิญาณณว่าเป็นอรหันตอนันต
ชินะ เราจึงกล่าวคาถาตอบว่า
ผู้ที่ถึงอาสวักขัยเช่นเรา ย่อมเป็น
ผู้มีนามว่าชินะ เพราะเราชนะบาปธรรมทั้ง
หลายแล้ว ฉะนั้น เราจึงมีนามว่า ชินะ.

เมื่อเรากล่าวตอบอย่างนี้ อุปกอาชีวกนั้นได้กล่าวว่า เป็นเช่นนั้น
หรือ ท่าน แล้วสั่นศีรษะ แยกทางไป.

โปรดปัญจวัคคีย์


[326] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจาริกไปโดยลำดับ ถึงป่าอิสิ
ปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี เข้าไปหาพวกภิกษุปัญจวัคคีย์. พวกภิกษุ
ปัญจวัคคีย์เห็นเราเดินทางมาแต่ไกล จึงได้นัดหมายกันว่า ท่านพระสมณโคดม
พระองค์นี้เป็นผู้มักมาก คลายความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นผู้มักมาก

กำลังเสด็จมา พวกเราไม่ต้องไหว้ ไม่ต้องลุกขึ้นยืนรับ ไม่ต้องรับบาตรจีวร
แต่ว่าต้องปูอาสนะไว้ ถ้าทรงปรารถนา ก็จักประทับนั่ง. เมื่อเราเข้าไปใกล้
พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ในข้อนัดหมายกัน บางรูปลุกขึ้นรับ
บาตรจีวร บางรูปปูอาสนะ บางรูปตั้งน้ำล้างเท้า แต่พูดกับเราโดยระบุนาม
และใช้คำพูดว่า "อาวุโส". เราจึงบอกภิกษุปัญจวัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธออย่าได้พูดกับตถาคตโดยระบุนาม และใช้คำพูดว่า "อาวุโส" ตถาคต
ได้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะ พวกเธอจงเงี่ยโสตลงสดับ เราจะสอนอมฤต
ธรรมที่เราได้บรรลุ เราจะแสดงธรรม เมื่อพวกเธอปฏิบัติตามที่เราสอน ไม่
นานนัก ก็จักกระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดพรหมจรรย์ อันเป็นคุณยอดเยี่ยม ที่กุล
บุตรออกจากเรือนไม่มีเรือนบวชโดยชอบ มุ่งหมาย ด้วยความรู้ยิ่งด้วยตนเอง
ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ เมื่อเรากล่าวอย่างนี้แล้ว พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ได้กล่าวกะเรา
ว่า อาวุโส โคดม แม้เพราะการประพฤติอย่างนั้น เพราะการปฏิบัติอย่างนั้น
เพราะการบำเพ็ญทุกกรกิริยาอย่างนั้น ท่านก็ไม่ได้บรรลุอุตตริมนุสสธรรมที่
พอจะเป็นอริยญาณทัสสนะชั้นพิเศษ ก็บัดนี้ไฉนเล่า ท่านผู้เป็นคนมักมาก
คลายความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมาก จักบรรลุอุตตริมนุสสธรรม
ที่พอจะเป็นอริยญาณทัสสนะชั้นพิเศษได้. เมื่อพวกภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวอย่างนี้
แล้ว เราจึงได้กล่าวว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมิได้เป็นคนมักมาก มิได้
คลายความเพียร เวียนนาเพื่อความเป็นผู้มักมาก ตถาคตได้เป็นอรหันตสัมมา-
สัมพุทธะ พวกเธอจงเงี่ยโสตลงสดับ เราจะสอนอมฤตธรรมที่เราได้บรรลุ เราจะ
แสดงธรรม เมื่อพวกเธอปฏิบัติตามที่เราสอน ไม่นานนัก ก็จักกระทำให้แจ้ง
ซึ่งที่สุดพรหมจรรย์ อันเป็นคุณยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรออกจากเรือนไม่มีเรือน
บวชโดยชอบ มุ่งหมาย ด้วยความรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่. พวก
ภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวคัดค้านอยู่อย่างนี้ เราจึงได้กล่าวว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เธอทั้งหลายจำได้หรือไม่ว่า คำอย่างนี้ เราได้เคยพูดมาแล้วแต่ก่อน พวกภิกษุ
ปัจวัคคีย์กล่าวว่า พระองค์ผู้เจริญ คำอย่างนี้พระองค์มิได้เคยตรัสเลย. เรา
จึงกล่าวว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมิได้เป็นคนมักมาก มิได้คลายความ
เพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมาก ตถาคตได้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
พวกเธอจงเงี่ยโสตลงสดับ เราจะสอนอมฤตธรรมที่เราได้บรรลุ เราจะแสดง
ธรรม เมื่อพวกเธอปฏิบัติตามที่เราสอน ไม่นานนัก ก็จักกระทำให้แจ้งซึ่งที่
สุดพรหมจรรย์อันเป็นคุณยอดเยี่ยมที่กุลบุตร ออกจากเรือนไม่มีเรือนบวชโดย
ชอบ มุ่งหมาย ด้วยความรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่. เราจึงสามารถให้
พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ยอมเข้าใจ. เรากล่าวสอนภิกษุทั้งสองรูป ภิกษุสามรูปก็เที่ยว
ไปบิณฑบาต เราทั้งหกรูปฉันบิณฑบาตที่ภิกษุสามรูปนำมา เรากล่าวสอนภิกษุ
สามรูป ภิกษุสองรูปก็เที่ยวไปบิณฑบาต เราทั้งหกรูปฉันบิณฑบาตที่ภิกษุ
สองรูปนำมา. ครั้งนั้น พวกภิกษุปัญจวัคคีย์ซึ่งเราโอวาทอนุศาสน์อยู่อย่างนี้ โดย
ตนเองเป็นผู้มีชาติเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีชาติเป็นธรรมดา แสวง
หาจนได้บรรลุนิพพาน ที่ไม่เกิด หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ,
เป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีชราเป็นธรรมดา แสวงหาจนได้
บรรลุนิพพาน ที่ไม่แก่ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ, เป็นผู้มี
พยาธิเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีพยาธิเป็นธรรมดา แสวงหาจนได้
บรรลุนิพพาน ที่หาพยาธิมิได้ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ, เป็น
ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีมรณะเป็นธรรมดา แสวงหาจน
ได้บรรลุนิพพานที่ไม่ตาย หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ, เป็นผู้มี
โศกเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีโศกเป็นธรรมดา แสวงหาจนได้บรรลุ
นิพพาน ที่หาโศกมิได้ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ, เป็นผู้มีสั่ง
กิเลสเป็นธรรมดา ทราบชัดโทษในสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา แสวงหาจนได้

บรรลุนิพพาน ที่ไม่เศร้าหมอง หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ. และ
พวกภิกษุปัญจวัคคีย์เหล่านั้นได้เกิดญาณทัสสนะขึ้นมาว่า วิมุตติของพวกเรา
ไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด ไม่มีภพใหม่ต่อไป.
[327] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก้านคุณเหล่านั้นมี 5 กามคุณ 5 เป็น
ไฉน คือ รูปที่พึงรู้ได้ด้วยจักษุ ซึ่งเป็นที่นำปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ
น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงที่พึงทราบชัดได้ด้วย
โสต...กลิ่นที่พึงรู้สึกได้ด้วยฆานะ... รสที่พึงรู้ได้ด้วยชิวหา... โผฏฐัพพะที่
พึงรู้ได้ด้วยกาย ซึ่งเป็นที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ น่ารัก ประกอบ
ด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กามคุณ 5
เหล่านี้แล สมณพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งใฝ่ฝัน ลุ่มหลง ติดพัน ไม่เห็นโทษ
ไม่มีปัญญาที่จะคิดนาตนออก ย่อมบริโภคกามคุณ 5 เหล่านี้ สมณพราหมณ์
พวกนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นผู้ถึงความเสื่อมความพินาศ ถูกมารผู้ใจบาป
กระทำได้ตามต้องการ.

อุปมาด้วยเนื้อ 3 อย่าง


[328] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า เนื้อป่าที่ติดบ่วงนอน
ทับกองบ่วง พึงทราบว่า เป็นสัตว์ถึงความเสื่อมความพินาศ ถูกพรานกระทำ
ได้ตามต้องการ เมื่อพรานเดินเข้ามา ก็หนีไปไม่ได้ ตามปรารถนา ฉันใด
สมณพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งใฝ่ฝัน ลุ่มหลง ติดพัน ไม่เห็นโทษ ไม่มี
ปัญญาที่จะคิดนำตนออก ย่อมบริโภคกามคุณ 5 เหล่านี้ สมณพราหมณ์พวก
นั้นบัณฑิตพึงทราบว่า เป็นผู้ถึงความเสื่อมความพินาศ ถูกมารผู้ใจบาป
กระทำได้ตามต้องการ ฉันนั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกใด
พวกหนึ่งไม่ใฝ่ฝัน ไม่ลุ่มหลง ไม่ติดพัน เห็นโทษ มีปัญญาที่จะคิดนำ
ตนออก ย่อมบริโภคกามคุณ 5 เหล่านี้ สมณพราหมณ์พวกนั้น บัณฑิตพึง
ทราบว่า เป็นผู้ไม่ถึงความเสื่อมความพินาศ ไม่ถูกมารผู้ใจบาปกระทำได้ตาม