เมนู

แม้ทั้ง 2 รูป. เมื่อเกิดวิปฏิสารขึ้นว่า คนสัตว์จะตายกันมาก จึงกลบหลุมพราง
ให้เต็มด้วยดิน. ถ้าสัตว์ไร ๆ ยังตกไปในดินตายได้, แม้กลบให้เต็มแล้ว ก็
ไม่พ้น. เมื่อฝนตกมีโคลน, แม้เมื่อสัตว์ไร ๆ ติดตายในโคลนนั้น, ต้นไม้ล้ม
ก็ดี ลมพัดก็ดี น้ำฝนตกก็ดี พัดพาคนไป หรือพวกขุดแผ่นดินเพื่อเหง้ามัน
ขุดเป็นหลุมบ่อไว้ในที่นั้น, ถ้าสัตว์ไร ๆ ติดหรือตกไปตายในหลุมนั้น ภิกษุ
ผู้เป็นต้นเดิมยังไม่พ้น. แต่ในโอกาสนั้น ภิกษุให้ทำบึงหรือสระบัวใหญ่ให้
ประดิษฐานเจดีย์ ปลูกต้นโพธิ์หรือให้สร้างวัด หรือให้ทำทางเกวียนแล้วจึง
พ้นได้. แม้ในกาลใด ต้นไม้เป็นต้น ในหลุมพรางอันถูกกลบเต็มทำให้แน่น
แล้วรากต่อรากเกี่ยวพ้นกัน, เกิดชาตปฐพี, แม้ในกาลนั้นก็พ้นได้. ถ้าแม้น
แม้น้ำหลากมาลบล้างหลุมพรางเสีย, แม้อย่างนั้น จึงพ้นได้แล.
กถาว่าด้วยหลุมพรางเท่านี้ก่อน.

[ว่าด้วยการดักบ่วงของภิกษุ]


ก็พึงทราบวินิจฉัย แม้ในบ่วงเป็นต้น อันอนุโลมแก่หลุมพรางนั่น
ดังต่อไปนี้:- ภิกษุรูปไค ดัดบ่วงไว้ก่อน ด้วยคิดว่า สัตว์ทั้งหลายจักติดใน
บ่วงนี้ตาย เมื่อบ่วงพอพ้นไปจากมือ พึงทราบว่าเป็นปาราชิก อนันตริยกรรม
ถุลลัจจัย และปาจิตตีย์ แก่ภิกษุรูปนั้นแน่นอน ด้วยอำนาจสัตว์ที่ติด (บ่วง).
ในบ่วงที่ภิกษุทำเจาะจงไว้ มีวินิจฉัยดังนี้:- บ่วงที่ภิกษุดักเจาะจง
สัตว์ตัวใดไว้ เพราะสัตว์เหล่าอื่นจากสัตว์ตัวนั้นมาติด ไม่เป็นอาบัติ. แม้เมื่อ
ภิกษุจำหน่ายบ่วงไป ด้วยมูลค่าหรือให้เปล่งก็ตาม ข้อผูกพันทางกรรม ย่อม
มีแก่ภิกษุผู้เป็นต้นเดิมเช่นกัน. ถ้าภิกษุผู้ได้บ่วงไป ดักบ่วงเคลื่อนที่ได้ไว้
หรือเห็นพวกสัตว์เดินไปข้าง ๆ จึงทำรั้วกั้นไว้ ต้อนสัตว์ให้เข้าไปตรงหน้า
หรือจัดคันบ่วงไว้ให้แข็งแรง หรือผูกเชือกบ่วงไว้ให้มั่นขึ้น หรือตอกหลักไว้