เมนู

เอวํ สตฺตงฺคสมนฺนาคโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก โสตาปตฺติผลสมนฺนาคโต โหตี’’ติฯ

อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

โกสมฺพิยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ อฏฺฐมํฯ

9. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตํ

[501] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

‘‘เอกมิทาหํ, ภิกฺขเว, สมยํ อุกฺกฏฺฐายํ วิหรามิ สุภควเน สาลราชมูเลฯ เตน โข ปน, ภิกฺขเว, สมเยน พกสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’ติฯ อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, พกสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิญฺเชยฺย, เอวเมว – อุกฺกฏฺฐายํ สุภควเน สาลราชมูเล อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิํฯ อทฺทสา โข มํ, ภิกฺขเว, พโก พฺรหฺมา ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน มํ เอตทโวจ – ‘เอหิ โข, มาริส, สฺวาคตํ, มาริส! จิรสฺสํ โข, มาริส, อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนายฯ อิทญฺหิ, มาริส, นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติฯ อิโต จ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’’ติฯ

เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจํ – ‘‘อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา; อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา; ยตฺร หิ นาม อนิจฺจํเยว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ, อทฺธุวํเยว สมานํ ธุวนฺติ วกฺขติ, อสสฺสตํเยว สมานํ สสฺสตนฺติ วกฺขติ, อเกวลํเยว สมานํ เกวลนฺติ วกฺขติ, จวนธมฺมํเยว สมานํ อจวนธมฺมนฺติ วกฺขติ; ยตฺถ จ ปน ชายติ ชียติ มียติ จวติ อุปปชฺชติ ตญฺจ วกฺขติ – ‘อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชตี’ติ; สนฺตญฺจ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ ‘นตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ วกฺขตี’’ติฯ

[502] ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา อญฺญตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อนฺวาวิสิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ภิกฺขุ, ภิกฺขุ, เมตมาสโท เมตมาสโท, เอโส หิ, ภิกฺขุ, พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสฏฺโฐ สชิตา [สชฺชิตา (สฺยา. กํ. ก.), สญฺชิตา (สี. ปี.)] วสี ปิตา ภูตภพฺยานํฯ อเหสุํ โข เย, ภิกฺขุ, ตยา ปุพฺเพ สมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ ปถวีครหกา ปถวีชิคุจฺฉกา, อาปครหกา อาปชิคุจฺฉกา, เตชครหกา เตชชิคุจฺฉกา, วายครหกา วายชิคุจฺฉกา, ภูตครหกา ภูตชิคุจฺฉกา, เทวครหกา เทวชิคุจฺฉกา, ปชาปติครหกา ปชาปติชิคุจฺฉกา, พฺรหฺมครหกา พฺรหฺมชิคุจฺฉกา – เต กายสฺส เภทา ปาณุปจฺเฉทา หีเน กาเย ปติฏฺฐิตา อเหสุํฯ เย ปน, ภิกฺขุ, ตยา ปุพฺเพ สมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ ปถวีปสํสกา ปถวาภินนฺทิโน, อาปปสํสกา อาปาภินนฺทิโน, เตชปสํสกา เตชาภินนฺทิโน, วายปสํสกา วายาภินนฺทิโน, ภูตปสํสกา ภูตาภินนฺทิโน, เทวปสํสกา เทวาภินนฺทิโน, ปชาปติปสํสกา ปชาปตาภินนฺทิโน, พฺรหฺมปสํสกา พฺรหฺมาภินนฺทิโน – เต กายสฺส เภทา ปาณุปจฺเฉทา ปณีเต กาเย ปติฏฺฐิตาฯ ตํ ตาหํ, ภิกฺขุ, เอวํ วทามิ – ‘อิงฺฆ ตฺวํ, มาริส, ยเทว เต พฺรหฺมา อาห ตเทว ตฺวํ กโรหิ, มา ตฺวํ พฺรหฺมุโน วจนํ อุปาติวตฺติตฺโถ’ฯ สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, พฺรหฺมุโน วจนํ อุปาติวตฺติสฺสสิ, เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส สิริํ อาคจฺฉนฺติํ ทณฺเฑน ปฏิปฺปณาเมยฺย, เสยฺยถาปิ วา ปน, ภิกฺขุ, ปุริโส นรกปฺปปาเต ปปตนฺโต หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ ปถวิํ วิราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, ภิกฺขุ, ตุยฺหํ ภวิสฺสติฯ ‘อิงฺฆํ ตฺวํ, มาริส, ยเทว เต พฺรหฺมา อาห ตเทว ตฺวํ กโรหิ, มา ตฺวํ พฺรหฺมุโน วจนํ อุปาติวตฺติตฺโถฯ นนุ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปสฺสสิ พฺรหฺมปริสํ สนฺนิปติต’นฺติ? อิติ โข มํ, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา พฺรหฺมปริสํ อุปเนสิฯ

‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจํ – ‘ชานามิ โข ตาหํ, ปาปิม; มา ตฺวํ มญฺญิตฺโถ – น มํ ชานาตี’ติฯ มาโร ตฺวมสิ, ปาปิมฯ โย เจว, ปาปิม, พฺรหฺมา, ยา จ พฺรหฺมปริสา, เย จ พฺรหฺมปาริสชฺชา, สพฺเพว ตว หตฺถคตา สพฺเพว ตว วสํคตาฯ ตุยฺหญฺหิ, ปาปิม, เอวํ โหติ – ‘เอโสปิ เม อสฺส หตฺถคโต, เอโสปิ เม อสฺส วสํคโต’ติฯ อหํ โข ปน, ปาปิม, เนว ตว หตฺถคโต เนว ตว วสํคโต’’ติฯ

[503] ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, พโก พฺรหฺมา มํ เอตทโวจ – ‘อหญฺหิ, มาริส, นิจฺจํเยว สมานํ นิจฺจนฺติ วทามิ, ธุวํเยว สมานํ ธุวนฺติ วทามิ, สสฺสตํเยว สมานํ สสฺสตนฺติ วทามิ, เกวลํเยว สมานํ เกวลนฺติ วทามิ, อจวนธมฺมํเยว สมานํ อจวนธมฺม’นฺติ วทามิ, ยตฺถ จ ปน น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ ตเทวาหํ วทามิ – ‘อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชตี’ติฯ อสนฺตญฺจ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ ‘นตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ วทามิฯ อเหสุํ โข, ภิกฺขุ, ตยา ปุพฺเพ สมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ ยาวตกํ ตุยฺหํ กสิณํ อายุ ตาวตกํ เตสํ ตโปกมฺมเมว อโหสิฯ เต โข เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘สนฺตญฺจ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ อตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณนฺติ, อสนฺตํ วา อญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติฯ ตํ ตาหํ, ภิกฺขุ, เอวํ วทามิ – ‘น เจวญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ ทกฺขิสฺสสิ, ยาวเทว จ ปน กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี ภวิสฺสสิฯ สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปถวิํ อชฺโฌสิสฺสสิ, โอปสายิโก เม ภวิสฺสสิ วตฺถุสายิโก, ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโยฯ สเจ อาปํ… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปติํ… พฺรหฺมํ อชฺโฌสิสฺสสิ, โอปสายิโก เม ภวิสฺสสิ วตฺถุสายิโก, ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโย’ติฯ

‘‘อหมฺปิ โข เอวํ, พฺรหฺเม, ชานามิ – สเจ ปถวิํ อชฺโฌสิสฺสามิ, โอปสายิโก เต ภวิสฺสามิ วตฺถุสายิโก, ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโยฯ ‘สเจ อาปํ… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปติํ… พฺรหฺมํ อชฺโฌสิสฺสามิ, โอปสายิโก เต ภวิสฺสามิ วตฺถุสายิโก, ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโย’ติ อปิ จ เต อหํ, พฺรหฺเม, คติญฺจ ปชานามิ, ชุติญฺจ ปชานามิ – เอวํ มหิทฺธิโก พโก พฺรหฺมา, เอวํ มหานุภาโว พโก พฺรหฺมา, เอวํ มเหสกฺโข พโก พฺรหฺมา’’ติฯ

‘‘ยถากถํ ปน เม ตฺวํ, มาริส, คติญฺจ ปชานาสิ, ชุติญฺจ ปชานาสิ – ‘เอวํ มหิทฺธิโก พโก พฺรหฺมา, เอวํ มหานุภาโว พโก พฺรหฺมา, เอวํ มเหสกฺโข พโก พฺรหฺมา’ติ?

‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;

ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตเต [วตฺตตี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วโสฯ

‘‘ปโรปรญฺจ [ปโรวรญฺจ (สี. ปี.)] ชานาสิ, อโถ ราควิราคินํ;

อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ, สตฺตานํ อาคติํ คติ’’นฺติฯ

‘‘เอวํ โข เต อหํ, พฺรหฺเม, คติญฺจ ปชานามิ ชุติญฺจ ปชานามิ – ‘เอวํ มหิทฺธิโก พโก พฺรหฺมา, เอวํ มหานุภาโว พโก พฺรหฺมา, เอวํ มเหสกฺโข พโก พฺรหฺมา’ติฯ

[504] ‘‘อตฺถิ โข, พฺรหฺเม, อญฺโญ กาโย, ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ; ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ อตฺถิ โข, พฺรหฺเม, อาภสฺสรา นาม กาโย ยโต ตฺวํ จุโต อิธูปปนฺโนฯ ตสฺส เต อติจิรนิวาเสน สา สติ ปมุฏฺฐา, เตน ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ; ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ เอวมฺปิ โข อหํ, พฺรหฺเม, เนว เต สมสโม อภิญฺญาย, กุโต นีเจยฺยํ? อถ โข อหเมว ตยา ภิยฺโยฯ อตฺถิ โข, พฺรหฺเม, สุภกิณฺโห นาม กาโย, เวหปฺผโล นาม กาโย, อภิภู นาม กาโย, ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ; ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ เอวมฺปิ โข อหํ, พฺรหฺเม, เนว เต สมสโม อภิญฺญาย, กุโต นีเจยฺยํ? อถ โข อหเมว ตยา ภิยฺโยฯ ปถวิํ โข อหํ, พฺรหฺเม, ปถวิโต อภิญฺญาย ยาวตา ปถวิยา ปถวตฺเตน อนนุภูตํ ตทภิญฺญาย ปถวิํ นาปโหสิํ, ปถวิยา นาปโหสิํ, ปถวิโต นาปโหสิํ, ปถวิํ เมติ นาปโหสิํ, ปถวิํ นาภิวทิํฯ เอวมฺปิ โข อหํ, พฺรหฺเม, เนว เต สมสโม อภิญฺญาย, กุโต นีเจยฺยํ? อถ โข อหเมว ตยา ภิยฺโยฯ

อาปํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… เตชํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… วายํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… ภูเต โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… เทเว โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… ปชาปติํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… พฺรหฺมํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… อาภสฺสเร โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… สุภกิณฺเห โข อหํ, พฺรหฺเม… …เป.… เวหปฺผเล โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… อภิภุํ โข อหํ, พฺรหฺเม…เป.… สพฺพํ โข อหํ, พฺรหฺเม, สพฺพโต อภิญฺญาย ยาวตา สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูตํ ตทภิญฺญาย สพฺพํ นาปโหสิํ สพฺพสฺมิํ นาปโหสิํ สพฺพโต นาปโหสิํ สพฺพํ เมติ นาปโหสิํ, สพฺพํ นาภิวทิํฯ เอวมฺปิ โข อหํ, พฺรหฺเม, เนว เต สมสโม อภิญฺญาย, กุโต นีเจยฺยํ? อถ โข อหเมว ตยา ภิยฺโย’’ติฯ

‘‘สเจ โข, มาริส, สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูตํ, ตทภิญฺญาย มา เหว เต ริตฺตกเมว อโหสิ, ตุจฺฉกเมว อโหสี’’ติ

‘‘‘วิญฺญาณํ อนิทสฺสนํ อนนฺตํ สพฺพโต ปภํ’, ตํ ปถวิยา ปถวตฺเตน อนนุภูตํ, อาปสฺส อาปตฺเตน อนนุภูตํ, เตชสฺส เตชตฺเตน อนนุภูตํ, วายสฺส วายตฺเตน อนนุภูตํ, ภูตานํ ภูตตฺเตน อนนุภูตํ, เทวานํ เทวตฺเตน อนนุภูตํ, ปชาปติสฺส ปชาปติตฺเตน อนนุภูตํ, พฺรหฺมานํ พฺรหฺมตฺเตน อนนุภูตํ, อาภสฺสรานํ อาภสฺสรตฺเตน อนนุภูตํ, สุภกิณฺหานํ สุภกิณฺหตฺเตน อนนุภูตํ, เวหปฺผลานํ เวหปฺผลตฺเต อนนุภูตํ, อภิภุสฺส อภิภุตฺเตน อนนุภูตํ, สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูตํ’’ฯ

‘‘หนฺท จรหิ [หนฺท จ หิ (สี. ปี.)] เต, มาริส, ปสฺส อนฺตรธายามี’’ติฯ ‘หนฺท จรหิ เม ตฺวํ, พฺรหฺเม, อนฺตรธายสฺสุ, สเจ วิสหสี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พโก พฺรหฺมา ‘อนฺตรธายิสฺสามิ สมณสฺส โคตมสฺส, อนฺตรธายิสฺสามิ สมณสฺส โคตมสฺสา’ติ เนวสฺสุ เม สกฺโกติ อนฺตรธายิตุํฯ

‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจํ – ‘หนฺท จรหิ เต พฺรหฺเม อนฺตรธายามี’ติฯ ‘หนฺท จรหิ เม ตฺวํ, มาริส, อนฺตรธายสฺสุ สเจ วิสหสี’ติฯ อถ โข อหํ, ภิกฺขเว, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิํ – ‘เอตฺตาวตา พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ สทฺทญฺจ เม โสสฺสนฺติ [สทฺทเมว สุยฺยนฺติ (ก.)], น จ มํ ทกฺขนฺตี’ติฯ อนฺตรหิโต อิมํ คาถํ อภาสิํ –

‘‘ภเววาหํ ภยํ ทิสฺวา, ภวญฺจ วิภเวสินํ;

ภวํ นาภิวทิํ กิญฺจิ, นนฺทิญฺจ น อุปาทิยิ’’นฺติฯ

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อเหสุํ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! สมณสฺส โคตมสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, น จ วต โน อิโต ปุพฺเพ ทิฏฺโฐ วา, สุโต วา, อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํ มหิทฺธิโก เอวํ มหานุภาโว ยถายํ สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโตฯ ภวรามาย วต, โภ, ปชาย ภวรตาย ภวสมฺมุทิตาย สมูลํ ภวํ อุทพฺพหี’ติฯ

[505] ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา อญฺญตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อนฺวาวิสิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘สเจ โข ตฺวํ, มาริส, เอวํ ปชานาสิ, สเจ ตฺวํ เอวํ อนุพุทฺโธ, มา สาวเก อุปเนสิ, มา ปพฺพชิเต; มา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสิ, มา ปพฺพชิตานํ; มา สาวเกสุ เคธิมกาสิ, มา ปพฺพชิเตสุฯ อเหสุํ โข, ภิกฺขุ, ตยา ปุพฺเพ สมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิชานมานา ฯ เต สาวเก อุปเนสุํ ปพฺพชิเต, สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสุํ ปพฺพชิตานํ, สาวเกสุ เคธิมกํสุ ปพฺพชิเตสุ, เต สาวเก อุปเนตฺวา ปพฺพชิเต, สาวกานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา ปพฺพชิตานํ, สาวเกสุ เคธิตจิตฺตา ปพฺพชิเตสุ, กายสฺส เภทา ปาณุปจฺเฉทา หีเน กาเย ปติฏฺฐิตาฯ อเหสุํ เย ปน, ภิกฺขุ, ตยา ปุพฺเพ สมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิชานมานาฯ เต น สาวเก อุปเนสุํ น ปพฺพชิเต, น สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสุํ น ปพฺพชิตานํ, น สาวเกสุ เคธิมกํสุ น ปพฺพชิเตสุ, เต น สาวเก อุปเนตฺวา น ปพฺพชิเต, น สาวกานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา น ปพฺพชิตานํ, น สาวเกสุ เคธิตจิตฺตา น ปพฺพชิเตสุ, กายสฺส เภทา ปาณุปจฺเฉทา ปณีเต กาเย ปติฏฺฐิตาฯ ตํ ตาหํ, ภิกฺขุ, เอวํ วทามิ – อิงฺฆ ตฺวํ, มาริส, อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรสฺสุ, อนกฺขาตํ กุสลญฺหิ, มาริส, มา ปรํ โอวทาหี’ติฯ

‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจํ – ‘ชานามิ โข ตาหํ, ปาปิม, มา ตฺวํ มญฺญิตฺโถ – น มํ ชานาตี’ติฯ มาโร ตฺวมสิ, ปาปิมฯ น มํ ตฺวํ, ปาปิม, หิตานุกมฺปี เอวํ วเทสิ; อหิตานุกมฺปี มํ ตฺวํ, ปาปิม, เอวํ วเทสิฯ ตุยฺหญฺหิ, ปาปิม, เอวํ โหติ – ‘เยสํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เต เม วิสยํ อุปาติวตฺติสฺสนฺตี’ติฯ

อสมฺมาสมฺพุทฺธาว ปน เต , ปาปิม, สมานา สมฺมาสมฺพุทฺธามฺหาติ ปฏิชานิํสุฯ อหํ โข ปน, ปาปิม, สมฺมาสมฺพุทฺโธว สมาโน สมฺมาสมฺพุทฺโธมฺหีติ ปฏิชานามิฯ เทเสนฺโตปิ หิ, ปาปิม, ตถาคโต สาวกานํ ธมฺมํ ตาทิโสว อเทเสนฺโตปิ หิ, ปาปิม, ตถาคโต สาวกานํ ธมฺมํ ตาทิโสวฯ อุปเนนฺโตปิ หิ, ปาปิม, ตถาคโต สาวเก ตาทิโสว, อนุปเนนฺโตปิ หิ, ปาปิม, ตถาคโต สาวเก ตาทิโสวฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถาคตสฺส, ปาปิม, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา – เต ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เสยฺยถาปิ, ปาปิม, ตาโล มตฺถกจฺฉินฺโน อภพฺโพ ปุน วิรูฬฺหิยา; เอวเมว โข, ปาปิม, ตถาคตสฺส เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา – เต ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาติฯ

‘‘อิติ หิทํ มารสฺส จ อนาลปนตาย พฺรหฺมุโน จ อภินิมนฺตนตาย, ตสฺมา อิมสฺส เวยฺยากรณสฺส พฺรหฺมนิมนฺตนิกํเตว อธิวจน’’นฺติฯ

พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ นวมํฯ

10. มารตชฺชนียสุตฺตํ

[506] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อพฺโภกาเส จงฺกมติฯ เตน โข ปน สมเยน มาโร ปาปิมา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส กุจฺฉิคโต โหติ โกฏฺฐมนุปวิฏฺโฐฯ อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข เม กุจฺฉิ ครุคโร วิย [ครุ ครุ วิย (สี. ปี. ฏีกายํ ปาฐนฺตรํ)]? มาสาจิตํ มญฺเญ’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปจฺจตฺตํ โยนิโส มนสากาสิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มารํ ปาปิมนฺตํ กุจฺฉิคตํ โกฏฺฐมนุปวิฏฺฐํฯ ทิสฺวาน มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, ปาปิม; นิกฺขม, ปาปิม! มา ตถาคตํ วิเหเสสิ, มา ตถาคตสาวกํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ อถ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อชานเมว โข มํ อยํ สมโณ อปสฺสํ เอวมาห – ‘นิกฺขม, ปาปิม; นิกฺขม, ปาปิม! มา ตถาคตํ วิเหเสสิ, มา ตถาคตสาวกํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’ติฯ โยปิสฺส โส สตฺถา โสปิ มํ เนว ขิปฺปํ ชาเนยฺย, กุโต ปน [กุโต จ ปน (สฺยา.)] มํ อยํ สาวโก ชานิสฺสตี’’ติ? อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวมฺปิ โข ตาหํ, ปาปิม, ชานามิ, มา ตฺวํ มญฺญิตฺโถ – ‘น มํ ชานาตี’ติฯ มาโร ตฺวมสิ, ปาปิม; ตุยฺหญฺหิ, ปาปิม, เอวํ โหติ – ‘อชานเมว โข มํ อยํ สมโณ อปสฺสํ เอวมาห – นิกฺขม, ปาปิม; นิกฺขม, ปาปิม! มา ตถาคตํ วิเหเสสิ, มา ตถาคตสาวกํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติฯ โยปิสฺส โส สตฺถา โสปิ มํ เนว ขิปฺปํ ชาเนยฺย, กุโต ปน มํ อยํ สาวโก ชานิสฺสตี’’’ติ?

อถ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘ชานเม โข มํ อยํ สมโณ ปสฺสํ เอวมาห – ‘นิกฺขม, ปาปิม; นิกฺขม, ปาปิม! มา ตถาคตํ วิเหเสสิ, มา ตถาคตสาวกํฯ มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’’ติฯ อถ โข มาโร ปาปิมา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส มุขโต อุคฺคนฺตฺวา ปจฺจคฺคเฬ อฏฺฐาสิฯ

[507] อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มารํ ปาปิมนฺตํ ปจฺจคฺคเฬ ฐิตํ; ทิสฺวาน มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจ – ‘เอตฺถาปิ โข ตาหํ, ปาปิม, ปสฺสามิ; มา ตฺวํ มญฺญิตฺโถ ‘‘น มํ ปสฺสตี’’ติฯ เอโส ตฺวํ, ปาปิม, ปจฺจคฺคเฬ ฐิโตฯ ภูตปุพฺพาหํ, ปาปิม, ทูสี นาม มาโร อโหสิํ, ตสฺส เม กาฬี นาม ภคินีฯ ตสฺสา ตฺวํ ปุตฺโตฯ โส เม ตฺวํ ภาคิเนยฺโย อโหสิฯ เตน โข ปน, ปาปิม, สมเยน กกุสนฺโธ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน โหติฯ กกุสนฺธสฺส โข ปน, ปาปิม, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วิธุรสญฺชีวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ