เมนู

9. มหาสาโรปมสุตฺตํ

[307] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเตฯ ตตฺร โข ภควา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ลาภสกฺการสิโลกวา [ลาภี สิโลกวา (สี. ปี.), ลาภี สกฺการ สิโลกวา (สฺยา.)], อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อปฺปญฺญาตา อปฺเปสกฺขา’ติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อญฺญาสิ สารํ, น อญฺญาสิ เผคฺคุํ, น อญฺญาสิ ตจํ, น อญฺญาสิ ปปฏิกํ, น อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ ตถา หยํ [ตถาปายํ (ก.)] ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติฯ

เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต , อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ ‘อหมสฺมิ ลาภสกฺการสิโลกวา, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อปฺปญฺญาตา อปฺเปสกฺขา’ติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สาขาปลาสํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิฯ

[308] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติฯ อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’ติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ, ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อญฺญาสิ สารํ, น อญฺญาสิ เผคฺคุํ, น อญฺญาสิ ตจํ, น อญฺญาสิ ปปฏิกํ, น อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ

ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ, ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโน; ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติฯ

‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติฯ อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’ติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปปฏิกํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิฯ

[309] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติฯ

อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ ฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’ติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อญฺญาสิ สารํ , น อญฺญาสิ เผคฺคุํ, น อญฺญาสิ ตจํ, น อญฺญาสิ ปปฏิกํ, น อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติฯ

‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’ติฯ

โส ตาย สมาธิสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตจํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิฯ

[310] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติฯ อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ อปฺปมตฺโต สมาโน ญาณทสฺสนํ อาราเธติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ชานํ ปสฺสํ วิหรามิฯ อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตี’ติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อญฺญาสิ สารํ น อญฺญาสิ เผคฺคุํ น อญฺญาสิ ตจํ น อญฺญาสิ ปปฏิกํ น อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ

ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน ญาณทสฺสนํ อาราเธติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ชานํ ปสฺสํ วิหรามิ, อิเม ปนญฺเญ ภิกฺขู อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตี’ติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เผคฺคุํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิฯ

[311] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ

โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ , น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน ญาณทสฺสนํ อาราเธติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน อสมยวิโมกฺขํ อาราเธติฯ อฏฺฐานเมตํ [อฏฺฐานํ โข ปเนตํ (ก.)], ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ ตาย อสมยวิมุตฺติยา ปริหาเยถฯ

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต สารญฺเญว เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ ชานมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อญฺญาสิ วตายํ ภวํ ปุริโส สารํ, อญฺญาสิ เผคฺคุํ, อญฺญาสิ ตจํ, อญฺญาสิ ปปฏิกํ, อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต สารญฺเญว เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ ชานมาโนฯ ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ อนุภวิสฺสตี’ติฯ

‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติฯ

โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ, น ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน ญาณทสฺสนํ อาราเธติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโปฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติฯ โส เตน ญาณทสฺสเนน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน อสมยวิโมกฺขํ อาราเธติฯ อฏฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ ตาย อสมยวิมุตฺติยา ปริหาเยถฯ

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, นยิทํ พฺรหฺมจริยํ ลาภสกฺการสิโลกานิสํสํ, น สีลสมฺปทานิสํสํ, น สมาธิสมฺปทานิสํสํ, น ญาณทสฺสนานิสํสํฯ ยา จ โข อยํ, ภิกฺขเว, อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ – เอตทตฺถมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, เอตํ สารํ เอตํ ปริโยสาน’’นฺติฯ

อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

มหาสาโรปมสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ นวมํฯ

10. จูฬสาโรปมสุตฺตํ

[312] เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เยเม, โภ โคตม, สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา, พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป, มกฺขลิ โคสาโล, อชิโต เกสกมฺพโล, ปกุโธ กจฺจายโน, สญฺจโย [สญฺชโย (สี. สฺยา. ปี. ก.)] เพลฏฺฐปุตฺโต, นิคณฺโฐ นาฏปุตฺโต, สพฺเพเต สกาย ปฏิญฺญาย อพฺภญฺญํสุ สพฺเพว นาพฺภญฺญํสุ, อุทาหุ เอกจฺเจ อพฺภญฺญํสุ เอกจฺเจ นาพฺภญฺญํสู’’ติ? ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ, ติฏฺฐเตตํ – สพฺเพเต สกาย ปฏิญฺญาย อพฺภญฺญํสุ สพฺเพว นาพฺภญฺญํสุ, อุทาหุ เอกจฺเจ อพฺภญฺญํสุ เอกจฺเจ นาพฺภญฺญํสูติฯ ธมฺมํ เต, พฺราหฺมณ, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิฯ ภควา เอตทโวจ –

[313] ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อญฺญาสิ สารํ, น อญฺญาสิ เผคฺคุํ, น อญฺญาสิ ตจํ, น อญฺญาสิ ปปฏิกํ, น อญฺญาสิ สาขาปลาสํฯ ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มญฺญมาโนฯ ยญฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตญฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติฯ