เมนู

4. สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา

มตํ วา อมฺม โรทนฺตีติ อายสฺมโต สานุตฺเถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต หตฺถปาทโธวนมุขวิกฺขาลนานํ อตฺถาย อุทกํ อุปเนสิฯ สตฺถา หิ โภชนกาเล หตฺถปาเท โธวิตุกาโม อโหสิฯ โส สตฺถุ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา อุทกํ อุปเนสิฯ ภควา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ภุญฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตุกาโม อโหสิฯ โส ตมฺปิ ญตฺวา มุโขทกํ อุปเนสิฯ สตฺถา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา มุขโธวนกิจฺจํ นิฏฺฐาเปสิฯ เอวํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย เตน กรียมานํ เวยฺยาวจฺจํ สาทิยิฯ โส เตน ปุญฺญกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺส อุปาสกสฺส เคเห ปฏิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺมิํ คพฺภคเตเยว ปิตา ปวาสํ คโต, อุปาสิกา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สานูติสฺส นามํ อกาสิฯ ตสฺมิํ อนุกฺกเมน วฑฺฒนฺเต สตฺตวสฺสิกํเยว นํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ, ‘‘เอวมยํ อนนฺตราโย วฑฺฒิตฺวา อจฺจนฺตสุขภาคี ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘โส สานุสามเณโร’’ติ ปญฺญาโต ปญฺญวา วตฺตสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก สตฺเตสุ เมตฺตชฺฌาสโย หุตฺวา เทวมนุสฺสานํ ปิโย อโหสิ มนาโปติ สพฺพํ สานุสุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ

ตสฺส อตีตชาติยํ มาตา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ ตํ ยกฺขา ‘‘สานุตฺเถรสฺส อยํ มาตา’’ติ ครุจิตฺติการพหุลา หุตฺวา มาเนนฺติฯ เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ปุถุชฺชนภาวสฺส อาทีนวํ วิภาเวนฺตํ วิย เอกทิวสํ สานุสฺส โยนิโส มนสิการาภาวา อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตสฺส วิพฺภมิตุกามตาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิฯ ตํ ตสฺส ยกฺขินิมาตา ญตฺวา มนุสฺสมาตุยา อาโรเจสิ – ‘‘ตว ปุตฺโต, สานุ, ‘วิพฺภมิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ, ตสฺมา ตฺวํ –

‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;

มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโหฯ

‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;

น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติฯ (สํ. นิ. 1.239; ธ. ป. อฏฺฐ. 2.325 สานุสามเณรวตฺถุ) –

เอวํ ภณาหี’’ติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา ยกฺขินิมาตา ตตฺเถวนฺตรธายิฯ มนุสฺสมาตา ปน ตํ สุตฺวา ปริเทวโสกสมาปนฺนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา อโหสิฯ อถ สานุสามเณโร ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มาตุ สนฺติกํ อุปคโต มาตรํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กิํ นิสฺสาย โรทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตํ นิสฺสายา’’ติ จ วุตฺโต มาตุ ‘‘มตํ วา, อมฺม, โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสตี’’ติ คาถํ อภาสิฯ

[44] ตสฺสตฺโถ – ‘‘อมฺม, โรทนฺตา นาม ญาตกา มิตฺตา วา อตฺตโน ญาตกํ มิตฺตํ วา มตํ อุทฺทิสฺส โรทนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา, โย วา ญาตโก มิตฺโต วา ชีวํ ชีวนฺโต เทสนฺตรํ ปกฺกนฺตตาย จ น ทิสฺสติ, ตํ วา อุทฺทิสฺส โรทนฺติ, อุภยมฺเปตํ มยิ น วิชฺชติ, เอวํ สนฺเต ชีวนฺตํ ธรมานํ มํ ปุรโต ฐิตํ ปสฺสนฺตี; กสฺมา, อมฺม, โรทสิ?มํ อุทฺทิสฺส ตว โรทนสฺส การณเมว นตฺถี’’ติฯ

ตํ สุตฺวา ตสฺส มาตา ‘‘มรณญฺเหตํ, ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. 3.63) สุตฺตปทานุสาเรน อุปฺปพฺพชนํ อริยสฺส วินเย มรณนฺติ ทสฺเสนฺตี –

‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;

โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธฯ

‘‘ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส;

กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติฯ (สํ. นิ. 1.239; ธ. ป. อฏฺฐ. 2.สานุสามเณรวตฺถุ) –

คาถาทฺวยํ อภาสิฯ

ตตฺถ กาเม จชิตฺวานาติ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน วตฺถุกาเม ปหาย, ตญฺจ กิเลสกามสฺส ตทงฺคปฺปหานวเสน เวทิตพฺพํฯ ปพฺพชฺชา เหตฺถ กามปริจฺจาโค อธิปฺเปโตฯ ปุนราคจฺฉเต อิธาติ อิธ เคเห ปุนเทว อาคจฺฉติ, หีนายาวตฺตนํ สนฺธาย วทติฯ

ตํ วาปีติ โย ปพฺพชิตฺวา วิพฺภมติ , ตํ วาปิ ปุคฺคลํ มตํ วิยมาทิสิโย โรทนฺติฯ กสฺมาติ เจ? ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ วิพฺภมนโต ปจฺฉา โย ชีวนฺโต, โส คุณมรเณน อตฺถโต มโตเยวฯ อิทานิสฺส สวิเสสสํเวคํ ชเนตุํ ‘‘กุกฺกุฬา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสตฺโถ – ‘‘อโหรตฺตํ อาทิตฺตํ วิย หุตฺวา ฑหนฏฺเฐน กุกฺกุฬนิรยสทิสตฺตา กุกฺกุฬา คิหิภาวา อนุกมฺปนฺติยา มยา อุพฺภโต อุทฺธโต, ตาต สานุ, กุกฺกุฬํ ปติตุํ อิจฺฉสิ ปติตุกาโมสี’’ติฯ

ตํ สุตฺวา สานุสามเณโร สํเวคชาโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺฐเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร 1.21.25-29) –

‘‘ภุญฺชนฺตํ สมณํ ทิสฺวา, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ฆเฏโนทกมาทาย, สิทฺธตฺถสฺส อทาสหํฯ

‘‘นิมฺมโล โหมหํ อชฺช, วิมโล ขีณสํสโย;

ภเว นิพฺพตฺตมานสฺส, ผลํ นิพฺพตฺตเต สุภํฯ

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, อุทกํ ยมทาสหํ;

ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํฯ

‘‘เอกสฏฺฐิมฺหิโต กปฺเป, เอโกว วิมโล อหุ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อิมิสฺสา คาถาย วเสน ‘‘มยฺหํ วิปสฺสนารมฺโภ อรหตฺตปฺปตฺติ จ ชาตา’’ติ อุทานวเสน ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิฯ

สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

5. รมณียวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิ ภทฺโท อาชญฺโญติ อายสฺมโต รมณียวิหาริตฺเถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ปุญฺญานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปญฺจปติฏฺฐิเตน วนฺทิตฺวา โกรณฺฑปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อญฺญตรสฺส เสฏฺฐิสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต โยพฺพนมเทน กาเมสุ มุจฺฉํ อาปนฺโน วิหรติฯ โส เอกทิวสํ อญฺญตรํ ปารทาริกํ ราชปุริเสหิ วิวิธา กมฺมการณา กรียมานํ ทิสฺวา สํเวคชาโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิฯ ปพฺพชิโต จ ราคจริตตาย นิจฺจกาลํ สุสมฺมฏฺฐํ ปริเวณํ สูปฏฺฐิตํ ปานียปริโภชนียํ สุปญฺญตํ มญฺจปีฐํ กตฺวา วิหรติฯ เตน โส รมณียวิหารีตฺเวว ปญฺญายิตฺถฯ

โส ราคุสฺสนฺนตาย อโยนิโส มนสิ กริตฺวา สญฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺฐิอาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา, ‘‘ธิรตฺถุ, มํ เอวํภูโต สทฺธาเทยฺยํ ภุญฺเชยฺย’’นฺติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘วิพฺภมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค รุกฺขมูเล นิสีทิ, เตน จ มคฺเคน สกเฏสุ คจฺฉนฺเตสุ เอโก สกฏยุตฺโต โคโณ ปริสฺสมนฺโต วิสมฏฺฐาเน ขลิตฺวา ปติ, ตํ สากฏิกา ยุคโต มุญฺจิตฺวา ติโณทกํ ทตฺวา ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ปุนปิ ธุเร โยเชตฺวา อคมํสุฯ เถโร ตํ ทิสฺวา – ‘‘ยถายํ โคโณ สกิํ ขลิตฺวาปิ อุฏฺฐาย สกิํ ธุรํ วหติ, เอวํ มยาปิ กิเลสวเสน สกิํ ขลิเตนาปิ วุฏฺฐาย สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต นิวตฺติตฺวา อุปาลิตฺเถรสฺส อตฺตโน ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา เตน วุตฺตวิธินา อาปตฺติโต วุฏฺฐหิตฺวา สีลํ ปากติกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺฐเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร 1.21.35-39) –

‘‘อกฺกนฺตญฺจ ปทํ ทิสฺวา, จกฺกาลงฺการภูสิตํ;

ปเทนานุปทํ ยนฺโต, วิปสฺสิสฺส มเหสิโนฯ