เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 57. เจตสิกทุกะ 3. ปัจจยวาร
[107] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิกและ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิก
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม
เข้าทั้ง 2 วาระ) (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง 3 วาระ) (2)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่
ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 2 และจิตตสมุฏฐาน-
รูปทำขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ
ขันธ์ 2 และจิตทำขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ 2 ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง 2 วาระ) (3)

อารัมมณปัจจัย
[108] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย มี 3 วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :61 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 57. เจตสิกทุกะ 3. ปัจจยวาร
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่เป็นเจตสิกทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้า
ทั้ง 2 วาระ) (2)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ มี 1 วาระ) (3)
[109] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1 ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ
ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1 ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1 ที่
เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 1
ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ (ใน
ปฏิสนธิขณะ มี 2 วาระ) (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ
ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ
มี 1 วาระ) (2)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ
ที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 2 และ
จักขุวิญญาณทำขันธ์ 1 ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ ขันธ์ 2 และจิตทำขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิกและทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ 2 ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ มี 1 วาระ
ย่อ) (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :62 }