เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 91. สุขสหคตทุกะ 7. ปัญหาวาร
อุปนิสสยปัจจัย
[173] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
สุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 วาระ
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทาน
สมาทานศีล ด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ
สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและ
สุขแล้วให้ทานด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่
ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ
ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค ... ผลสมาบัติ
และสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุข
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทานด้วย
จิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่
สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย
ฯลฯ เสนาสนะและสุขแล้วให้ทานด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้
เกิดขึ้น ลักทรัพย์ด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข พูดเท็จ ฯลฯ พูดส่อเสียด ฯลฯ พูด
เพ้อเจ้อ ฯลฯ งัดแงะ ฯลฯ ปล้นไม่ให้เหลือ ฯลฯ ปล้นเรือนหลังเดียว ฯลฯ
ดักจี้ในทางเปลี่ยว ฯลฯ ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ฯลฯ ฆ่าชาวบ้าน ฯลฯ ฆ่าชาวนิคม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :517 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 91. สุขสหคตทุกะ 7. ปัญหาวาร
ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่สหรคต
ด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ มานะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนา
ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและ
ไม่สหรคตด้วยสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทานด้วย
จิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ (เหมือนกับข้อความตอนที่ 2 ) มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติ
ให้เกิดขึ้น ลักทรัพย์ด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ
เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ความปรารถนา ...
สุขทางกาย ... มรรค ... ผลสมาบัติและสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย (3)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สหรคตด้วยสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 วาระ

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[174] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคต
ด้วยสุขโดยปุเรชาตปัจจัย มี 2 อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุด้วยจิตที่ไม่
สหรคตด้วยสุข โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ โทมนัสจึง
เกิดขึ้น สุขจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยสุข
และสุขโดยปุเรชาตปัจจัย (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :518 }