เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 84. ภาวนายปหาตัพพทุกะ 7. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะ
พิจารณากิเลสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ซึ่งละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณา
กิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งขันธ์ที่ต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะ
ปรารภความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้น ราคะที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3
จึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ โทมนัสที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (2)
[38] สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ โทมนัสที่ไม่ต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ
ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผลและอาวัชชนจิต
โดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3
ซึ่งละได้แล้ว ฯลฯ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่ต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3
จึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ โทมนัสที่ไม่ต้องประหาณ ด้วยมรรคเบื้องบน
3 จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :428 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 84. ภาวนายปหาตัพพทุกะ 7. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน
สมาทานศีล ฯลฯ พิจารณาฌาน ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ
และขันธ์ที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น
อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น (2)

อธิปติปัจจัย
[39] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ
อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินราคะ
นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึง
เกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 โดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ
อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินราคะที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน 3 ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินราคะนั้น
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 จึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 เป็น
ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (2)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :429 }