เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 56. จิตตทุกะ 7. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความ
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะ
ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ
พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน
มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และ
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอธิปติปัจจัย
(ข้อความแห่งปัจจัยทั้ง 2 อย่าง เหมือนกับตอนต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน พึงเพิ่ม
อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ) (2)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ (พึงเพิ่มคำว่า ทำให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่นทั้ง 3 วาระ มีเฉพาะอารัมมณาธิปติเท่านั้น)

อนันตรปัจจัย
[75] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่
จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
จิตเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :42 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 56. จิตตทุกะ 7. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (3)
[76] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดย
อนันตรปัจจัย (ผู้ประสงค์จะทําทั้ง 2 วาระนี้ให้บริบูรณ์ พึงเพิ่มข้อความเข้ามา
เหมือนกับข้อความที่มีมาก่อน)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิด
ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จิตและ
สัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย (3)
... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี 5 วาระ
(เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี 5 วาระ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี 5 วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[77] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 43 หน้า :43 }