เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 50.ปรามาสทุกะ 7.ปัญหาวาร
4. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[16] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี 1 วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

50. ปรามาสทุกะ 5. สังสัฏฐวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นปรามาสเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับปรามาส (พึงเพิ่มเป็น 5 วาระอย่างนี้
เฉพาะในอรูปาวจรภูมิ สังสัฏฐวารและสัมปยุตตวาร พึงเพิ่มไว้อย่างนี้)

50. ปรามาสทุกะ 7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[17] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาส
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นปรามาสโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่ปรามาสโดยเหตุปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นปรามาสและที่ไม่
เป็นปรามาสโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
ปรามาส และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :446 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 50.ปรามาสทุกะ 7.ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[18] สภาวธรรมที่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นปรามาสโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภปรามาส ปรามาสจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่
เป็นมูล) เพราะปรารภปรามาส ขันธ์ที่ไม่เป็นปรามาสจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็น
มูล) เพราะปรารภปรามาส ปรามาสและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (3)
[19] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาส
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณา
กุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะ ฯลฯ
วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่ง
สมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรค
แล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่
ไม่เป็นปรามาส ซึ่งละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่
เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่เป็นปรามาสโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคล
เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่ง
พร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นปรามาสด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่
วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญา-
ยตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปรามาสเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นปรามาสโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ ยินดี
เพลิดเพลินกุศลนั้น เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :447 }