เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 26.คันถทุกะ 7.ปัญหาวาร
4. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[17] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี 1 วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวารนั่นเอง พึงเพิ่มสังสัฏฐวารและสัมปยุตตวาร
เป็น 9 วาระ ไม่มีรูป)

26. คันถทุกะ 7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[18] สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตคันถะโดยเหตุปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ คันถะ และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (3)
[19] สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตคันถะโดยเหตุปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะ
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ คันถะ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :338 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 26.คันถทุกะ 7.ปัญหาวาร
[20] สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตคันถะโดยเหตุปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะ
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะ
และที่ไม่เป็นคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นคันถะและที่ไม่เป็นคันถะเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ คันถะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (3)

อารัมมณปัจจัย
[21] สภาวธรรมที่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นคันถะโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภคันถะ คันถะจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะ
ปรารภคันถะ ขันธ์ที่ไม่เป็นคันถะจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภ
คันถะ คันถะและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (3)
[22] สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันถะโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศล
นั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน พระอริยะ
ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระ
อริยะพิจารณากิเลสที่ไม่เป็นคันถะซึ่งละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้
กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นคันถะ
โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟัง
เสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นคันถะ
ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :339 }