เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 17.อาสวสาสวทุกะ 7.ปัญหาวาร
17. อาสวสาสวทุกะ 7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
(เหตุปัจจัย และอารัมมณปัจจัย ในปัญหาวาร ไม่พึงเพิ่มโลกุตตระ แต่พึง
เพิ่มคำว่า พระเสขะพิจารณาโคตรภู พิจารณาโวทาน แม้อธิปติปัจจัย ผู้รู้ทราบ
เนื้อความทั้งหมดแล้วพึงเพิ่ม)

อนันตรปัจจัย
[112] สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะ
ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวะที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
อารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะที่เกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อาสวะเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นอาสวะเป็นอารมณ์ของอาสวะและที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวะและสัมปยุตตขันธ์
ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (3)
[113] สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์
ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
อารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
อารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะโดยอนันตรปัจจัย (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :264 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 17.อาสวสาสวทุกะ 7.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอารมณ์
ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวะที่เกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่อาสวะโดยอนันตรปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นอาสวะ เป็นอารมณ์ของอาสวะ และที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่อาสวะและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิต
เป็นปัจจัยแก่อาสวะและสัมปยุตตขันธ์โดยอนันตรปัจจัย (3)
[114] สภาวธรรมที่เป็นอาสวะเป็นอารมณ์ของอาสวะและที่เป็นอารมณ์ของ
อาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของ
อาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย
แก่อาสวะที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นอาสวะเป็นอารมณ์ของอาสวะและที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
แต่ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อาสวะ
และสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นอาสวะเป็นอารมณ์ของอาสวะและที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่
ไม่เป็นอาสวะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอาสวะเป็นอารมณ์ของอาสวะและที่เป็น
อารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาสวะและสัมปยุตตขันธ์
ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อาสวะและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
(พึงขยายให้พิสดารทั้งหมดอย่างนี้) (3)
(แม้ในอาสวทุกะก็พึงทำอนันตรปัจจัยให้เหมือนกับทุกะนี้ อาวัชชนจิตและ
วุฏฐานะท่านยกขึ้นแสดงไว้แล้วอย่างนี้ ย่อ ทุกอย่างบริบูรณ์แล้ว พึงทำให้เหมือน
กับอาสวทุกะ ไม่มีข้อที่แตกต่างกัน)
อาสวสาสวทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 42 หน้า :265 }