พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 7.สัปปัจจยทุกะ 1.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย
[2] เหตุปัจจัย มี 1 วาระ
อารัมมณปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี 1 วาระ
อนุโลม จบ
[3] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ 1 ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (ย่อ)
[4] นเหตุปัจจัย มี 1 วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี 1 วาระ
นอธิปติปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี 1 วาระ
ปัจจนียะ จบ
[5] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี 1 วาระ
นอธิปติปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี 1 วาระ
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[6] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี 1 วาระ
อนันตรปัจจัย มี 1 วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี 1 วาระ
ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] 7.สัปปัจจยทุกะ 7.ปัญหาวาร
7. สัปปัจจยทุกะ 3. ปัจจยวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
[7] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ 1 ที่มีปัจจัย
ปรุงแต่งให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุทำขันธ์ให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำมหาภูตรูป 1 ฯลฯ
ขันธ์ที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย (ย่อ)
(พึงขยายปัจจยวาร นิสสยวาร สังสัฏฐวาร และสัมปยุตตวารให้พิสดารอย่างนี้
ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ 1 วาระเท่านั้น)
7. สัปปัจจยทุกะ 7. ปัญหาวาร
1. ปัจจยานุโลม 1. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[8] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
อารัมมณปัจจัย
[9] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ