เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 12. ปริตตติกะ 1. ปฏิจจวาร
[21] สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็น
อัปปมาณะเกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
อัปปมาณะและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะเกิด
ขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะ
เกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 อาศัยขันธ์ 1 ที่
เป็นมหัคคตะและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ (2)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและ
ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3
อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (3)

นกัมมปัจจัย
[22] สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะเกิดขึ้นเพราะ
นกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นปริตตะอาศัยขันธ์ที่เป็นปริตตะเกิดขึ้น ... ที่
เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... มหาภูตรูป 1
ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนกัมม-
ปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นมหัคคตะอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะเกิดขึ้นเพราะ
นกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นอัปปมาณะอาศัยขันธ์ที่เป็นกุศลซึ่งเป็นอัปปมาณะ
เกิดขึ้น (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :417 }