เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 12. ปริตตติกะ 1. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะเกิด
ขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะ
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ (2)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่
เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 อาศัย
ขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (3)

นอนันตรปัจจัยเป็นต้น
[15] สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะเกิดขึ้นเพราะ
นอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญมัญญปัจจัย เพราะ
นอุปนิสสยปัจจัย

นปุเรชาตปัจจัย
[16] สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะเกิดขึ้นเพราะนปุเร-
ชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ 3 อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นปริตตะเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นปริตตะเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นปริตตะเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ (พึงขยายมหาภูตรูปทั้งหมดให้พิสดาร ในอรูปาวจรภูมิ บท
ที่มีปริตตะเป็นมูล มี 3 วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ... อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาต-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้น (2)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะ
เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 และกฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :414 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 12. ปริตตติกะ 1. ปฏิจจวาร
[17] สภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ... อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นอัปปมาณะ
ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอัปปมาณะเกิดขึ้นเพราะนปุเร-
ชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณะเกิดขึ้น (2)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นอัปปมาณะ
เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณะ
และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (3)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะเกิด
ขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็น
มหัคคตะและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ (2)
สภาวธรรมที่เป็นปริตตะและที่เป็นมหัคคตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะและ
ที่เป็นมหัคคตะเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3
อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตะและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (3)

นปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[18] สภาวธรรมที่เป็นปริตตะอาศัยสภาวธรรมที่เป็นปริตตะเกิดขึ้นเพราะ
นปัจฉาชาตปัจจัย เพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 และจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นปริตตะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2 ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป 1 ฯลฯ
สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม มหาภูตรูป 1 ฯลฯ (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :415 }