เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 8. ทัสสเนนปหาตัพพติกะ 3. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ทำ
สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 ทำขันธ์ 1 ที่ไม่ต้องประหาณ ด้วย
โสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ 2 ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ 3 ทำขันธ์ 1 ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรค
เบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ 2 ฯลฯ ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณ
ทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและ
มรรคเบื้องบน 3 ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (1)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคทำสภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (2)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ทำสภาวธรรมที่ไม่ต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (3)
[41] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคทำสภาวธรรมที่ต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคและที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 ทำขันธ์ 1 ที่ต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ 2 และ
หทัยวัตถุ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 ทำสภาวธรรมที่ต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน 3 และที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน
3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 ทำขันธ์ 1 ที่ต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน 3 และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ 2
ทำขันธ์ 2 และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (1)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :179 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 8. ทัสสเนนปหาตัพพติกะ 3. ปัจจยวาร
อธิปติปัจจัยเป็นต้น
[42] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคทำสภาวธรรมที่ต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย (อธิปติปัจจัย
เป็นต้นบริบูรณ์แล้ว ไม่มีปฏิสนธิ) เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย
(ปัจจัยทั้ง 2 นี้เหมือนกับอารัมมณปัจจัย)

สหชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค ทำสภาวธรรมที่ต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ 1
ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค ... มี 3 วาระ
... ทำสภาวธรรมที่ต้องประหาณ ด้วยมรรคเบื้องบน 3 ... มี 3 วาระ
[43] สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3
ทำสภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ 3 และจิตตสมุฏฐานรูป ทำขันธ์ 1
ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ขันธ์ 2 ทำขันธ์ 2 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุทำ
ขันธ์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น มหาภูตรูป 3 ทำ
มหาภูตรูป 1 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำมหาภูตรูป ฯลฯ ที่เป็นภายนอก ...
ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม
... ทำมหาภูตรูป 1 ฯลฯ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดา-
ปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคทำสภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน 3 ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย
(ปัจจัยที่เหลือเหมือนกับเหตุปัจจัย)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 41 หน้า :180 }