เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 5. สังกิลิฏฐติกะ 7. ปัญหาวาร
ได้แก่ ขันธ์ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย มรรคเป็นปัจจัยแก่ผล ผลเป็นปัจจัยแก่ผลโดยอนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)

สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[14] สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสโดยสมนันตรปัจจัย ฯลฯ
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสย-
ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะจึงฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ฯลฯ
อาศัยโทสะ จึงฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัย
แก่ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาโดยอุปนิสสยปัจจัย ปาณาติบาตเป็นปัจจัยแก่
ปาณาติบาตโดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ นิยตมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่นิยตมิจฉาทิฏฐิ
โดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี 2 อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะจึงให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ
ทำฌาน ... วิปัสสนา ... ทำอภิญญาให้เกิดขึ้น ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ความปรารถนาจึงให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ สุขทางกายและทุกข์ทางกายโดยอุปนิสสยปัจจัย บุคคล
ฆ่าสัตว์แล้ว ประสงค์จะลบล้างกรรมชั่วนั้นจึงให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 40 หน้า :887 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 5. สังกิลิฏฐติกะ 7. ปัญหาวาร
ทำฌานให้เกิดขึ้น ทำวิปัสสนาให้เกิดขึ้น ทำอภิญญาให้เกิดขึ้น ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น
ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ประสงค์จะลบล้างกรรมชั่วนั้น จึงให้ทาน สมาทานศีล รักษา
อุโบสถ กรรมที่เป็นอกุศลเป็นปัจจัยแก่วิบากโดยอุปนิสสยปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสโดยอุปนิสสยปัจจัย มี
อย่างเดียว คือ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะจึงทำมรรคให้เกิดขึ้น เข้า
ผลสมาบัติ อาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาจึงทำมรรคให้เกิดขึ้น เข้าผลสมาบัติ
ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (3)
[15] สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี 3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาจึงให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้
เกิดขึ้น อาศัยศีล ... สุตะ ... จาคะ ... ปัญญา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย
... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะ จึงให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น ศรัทธา
ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ สุขทางกายและทุกข์ทางกายโดย
อุปนิสสยปัจจัย กรรมที่เป็นกุศลเป็นปัจจัยแก่วิบากโดยอุปนิสสยปัจจัย บริกรรม-
ปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ปฐมฌาน ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญา-
นาสัญญายตนะ ฯลฯ (1)
สภาวธรรมที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสโดยอุปนิสสยปัจจัย มี
3 อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธา มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล ฯลฯ
เสนาสนะ จึงฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่
ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาโดยอุปนิสสยปัจจัย (2)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 40 หน้า :888 }