เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 3. วิปากติกะ 7. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้
เกิดวิบากโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอรหันต์พิจารณาผล เห็นแจ้งขันธ์ที่เป็น
วิบาก โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา รู้จิตของบุคคลผู้มีความ
พรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นวิบากด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย (3)
[93] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้เกิด
วิบากโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้น พิจารณากุศลที่สั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน
พระเสขะพิจารณาโคตรภู พิจารณาโวทาน ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณา
กิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น เห็นแจ้งขันธ์ที่
เป็นเหตุให้เกิดวิบากโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนกุศลเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนกุศลโดยอารัมมณปัจจัย
อากิญจัญญายตนกุศลเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนกุศลโดยอารัมมณปัจจัย
ขันธ์ที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสา-
นุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นวิบากโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากโดยเป็นสภาวะไม่
เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลิน
ขันธ์นั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับไปแล้ว
จิตตุปบาทที่เป็นวิบากจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ อากาสานัญจายตนกุศลเป็น
ปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนวิบากโดยอารัมมณปัจจัย ฯลฯ อากิญจัญญายตนกุศล
เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนวิบากโดยอารัมมณปัจจัย (2)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิบากและ
ไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอรหันต์ออกจากมรรคแล้ว


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 40 หน้า :748 }