เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 2. เวทนาติกะ 7. ปัญหาวาร
กุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ยินดี
เพลิดเพลินขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วยจิตที่สัมปยุต
ด้วยอทุกขมสุขเวทนา เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ราคะที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (2)
[43] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยทุกขเวทนาโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรม
ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (1)
[44] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาโดยอธิปติปัจจัย มี 2 อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลมีจิตสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ แล้วพิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วย
จิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ออกจากฌานที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา
ออกจากมรรค ออกจากผลแล้วพิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วย
จิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุข-
เวทนาให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา เพราะ
ทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่สัมปยุตด้วย
อทุกขมสุขเวทนาจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยสุขเวทนาโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลมี
จิตสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ออก
จากฌานที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ออกจากมรรค ออกจากผล แล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 40 หน้า :668 }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ติกปัฏฐาน] 2. เวทนาติกะ 7. ปัญหาวาร
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (2)

อนันตรปัจจัย
[45] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยสุขเวทนาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลม
ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่โคตรภูโดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่
โวทาน โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรค มรรคเป็นปัจจัยแก่ผล
ผลเป็นปัจจัยแก่ผล อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาโดย
อนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่สัมปยุตด้วย
สุขเวทนาโดยอนันตรปัจจัย (1)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
อทุกขมสุขเวทนาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัย
แก่อุปปัตติจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่สัมปยุต
ด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิตโดยอนันตรปัจจัย กายวิญญาณที่สหรคตด้วย
สุขเป็นปัจจัยแก่มโนธาตุที่เป็นวิบากโดยอนันตรปัจจัย มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบาก
ซึ่งสัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกิริยาโดยอนันตรปัจจัย
ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา
โดยอนันตรปัจจัย กุศลและอกุศลที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (2)
[46] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยทุกขเวทนาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (1)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 40 หน้า :669 }