เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [9. ธัมมยมก ] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 1. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[42] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[43] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและ
อกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :62 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [9. ธัมมยมก ] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 1. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
และกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะ แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[44] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :63 }