เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [10. อินทรียยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 6. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่
เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :598 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [10. อินทรียยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 6. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจร-
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :599 }