เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [10. อินทรียยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมี
จิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[372] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจิตเป็นอุเบกขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :496 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [10. อินทรียยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นอุเบกขา
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิต
เป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :497 }