เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [9. ธัมมยมก ] 2. ปวัตติวาร 3. อุปปาทนิโรธวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่
ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[215] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :155 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [9. ธัมมยมก ] 2. ปวัตติวาร 3. อุปปาทนิโรธวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[216] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[217] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง
จิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 39 หน้า :156 }