เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคค-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[75] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[76] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :392 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
และอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติ
จากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะ
แห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนผู้จัก
ไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกข-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :393 }