เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[72] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไป
อยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหาของเหล่าบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[73] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :390 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 5. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผล
ในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[74] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :391 }