เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 4. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่
เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[64] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่
วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้
ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :384 }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [5. สัจจยมก] 2. ปวัตติวาร 1. อุปปาทวาร 4. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[65] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[66] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่ง
อุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 38 หน้า :385 }