เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [22. พาวีสติมวรรค] 10. ขณิกกถา (217)
10. ขณิกกถา (217)
ว่าด้วยสภาวธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่ง
[906] สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่งใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. มหาปฐพี มหาสมุทร ภูเขาสิเนรุ น้ำ ไฟ ลม หญ้า ไม้ และไม้เจ้าป่า
ล้วนแต่ดำรงอยู่ได้ในจิตใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่งใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระสูตรที่ว่า “ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า ‘ท่านผู้มีอายุ จักษุ
ที่เป็นอายตนะภายใน ไม่แตกทำลาย รูปที่เป็นอายตนะภายนอกไม่มาสู่คลองจักษุ
และความใส่ใจอันเกิดจากจักษุและรูปก็ไม่มี วิญญาณส่วนที่เกิดจากจักษุและรูปนั้น
ก็ไม่ปรากฏ จักษุที่เป็นอายตนะภายใน ไม่แตกทำลาย รูปที่เป็นอายตนะภายนอก
มาสู่คลองจักษุ แต่ความใส่ใจอันเกิดจากจักษุและรูปนั้นไม่มี วิญญาณส่วนที่เกิดจาก

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายปุพพเสลิยะและนิกายอปรเสลิยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 906-907/322-323)
2 เพราะมีความเห็นว่า สังขตธรรม(ธรรมที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง) คือรูปกับนาม มีอายุเท่ากัน คือ ชั่วขณะจิตหนึ่ง
ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า รูป 1 ขณะมีอายุเท่ากับจิต 17 ขณะ นาม (จิต เจตสิก) เท่านั้น
ที่มีอายุเท่ากับชั่วขณะจิตหนึ่ง (อภิ.ปญฺจ.อ. 906-907/322-323)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :934 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [22. พาวีสติมวรรค] 10. ขณิกกถา (217)
จักษุและรูปนั้นก็ไม่ปรากฏ แต่เมื่อใด จักษุที่เป็นอายตนะภายในไม่แตกทำลาย รูป
ที่เป็นอายตนะภายนอกมาสู่คลองจักษุ และความใส่ใจอันเกิดจากจักษุและรูปนั้นก็มี
เมื่อนั้น วิญญาณส่วนที่เกิดจากจักษุและรูปนั้นย่อมปรากฏ ด้วยอาการอย่างนี้”1 มี
อยู่จริงมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรยอมรับว่า “จักขายตนะเกิดพร้อมกับจักขุวิญญาณ”
สก. โสตายตนะ ฯลฯ ฆานายตนะ ฯลฯ ชิวหายตนะ ฯลฯ กายายตนะ
เกิดพร้อมกับกายวิญญาณใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. กายายตนะเกิดพร้อมกับกายวิญญาณใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระสูตรที่ว่า “ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า ‘ท่านผู้มีอายุ กาย
ที่เป็นอายตนะภายในไม่แตกทำลาย โผฏฐัพพะที่เป็นอายตนะภายนอกไม่มาสู่คลองกาย
และความใส่ใจอันเกิดจากกายและโผฏฐัพพะก็ไม่มี ฯลฯ กายที่เป็นอายตนะ
ภายในไม่แตกทำลาย โผฏฐัพพะที่เป็นอายตนะภายนอกมาสู่คลองกาย แต่ความ
ใส่ใจอันเกิดจากกายและโผฏฐัพพะไม่มี ฯลฯ แต่เมื่อใด กายที่เป็นอายตนะ
ภายในไม่แตกทำลาย โผฏฐัพพะที่เป็นอายตนะภายนอกมาสู่คลองกายและโผฏฐัพพะ
และความใส่ใจอันเกิดจากกายและโผฏฐัพพะก็มี เมื่อนั้น วิญญาณส่วนที่เกิดจาก
กายและโผฏฐัพพะนั้นย่อมปรากฏ ด้วยอาการอย่างนี้” มีอยู่จริงมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรยอมรับว่า “กายายตนะเกิดพร้อมกับกายวิญญาณ”

เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ ม.มู. (แปล) 12/306/338-339

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :935 }