เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [15. ปัณณรสมวรรค] 1. ปัจจยตากถา (145)
[717] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “ความเป็นปัจจัยมีจำกัดไว้” ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. เป็นปัจจัยโดยเหตุปัจจัยก็ได้ เป็นปัจจัยโดยอารัมมณปัจจัยก็ได้ เป็น
ปัจจัยโดยอนันตรปัจจัยก็ได้ เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัยก็ได้ใช่ไหม
สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปร. ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า “ความเป็นปัจจัยมีจำกัดไว้”
ปัจจยตากถา จบ

2. อัญญมัญญปัจจยกถา (146)
ว่าด้วยอัญญมัญญปัจจัย
[718] สก. เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี แต่ท่านไม่ยอมรับว่า “เพราะ
สังขารเป็นปัจจัย อวิชชาจึงมี” ใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. อวิชชาเกิดพร้อมกับสังขารมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากอวิชชาเกิดพร้อมกับสังขาร ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า “เพราะ
อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพราะสังขารเป็นปัจจัย อวิชชาจึงมี”
สก. เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี แต่ท่านไม่ยอมรับว่า “เพราะ
อุปาทานเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี” ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ตัณหาเกิดพร้อมกับอุปาทานมิใช่หรือ
ปร. ใช่

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 718-719/278)
2 เพราะมีความเห็นว่า อัญญมัญญปัจจัยไม่มี เช่น อวิชชาเป็นปัจจัยให้สังขารเกิดได้ แต่สังขารจะเป็นปัจจัย
ให้อวิชชาเกิดไม่ได้ ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า มีอัญญมัญญปัจจัย (อภิ.ปญฺจ.อ. 718-
719/278)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :765 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [15. ปัณณรสมวรรค] 3. อัทธากถา (147)
สก. หากตัณหาเกิดพร้อมกับอุปาทาน ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับ
ว่า “เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี”
[719] ปร. พระสูตรที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะชรามรณะเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย ภพจึงมี”1 มีอยู่หรือ
สก. ไม่มี
ปร. ดังนั้น ท่านไม่ควรยอมรับว่า “เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย อวิชชาจึงมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี เพราะ
อุปาทานเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี”
สก. พระสูตรที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี” มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ดังนั้น จึงควรยอมรับว่า “เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย อวิชชาจึงมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี”
อัญญมัญญปัจจยกถา จบ

3. อัทธากถา (147)
ว่าด้วยกาล
[720] สก. กาลเป็นสภาวะสำเร็จแล้วใช่ไหม
ปร.2 ใช่3
สก. เป็นรูปใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ ที.ม. (แปล) 10/96-98/57-59
2 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 718-719/278)
3 เพราะมีความเห็นว่า กาลเป็นสภาวะที่สำเร็จมาจากเหตุ (ถูกปัจจัยปรุงแต่ง) ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาที
ที่เห็นว่า กาลไม่จัดเป็นสภาวะที่สำเร็จมาจากเหตุ เป็นเพียงคำบัญญัติเรียก แต่คำบัญญัติว่า “รูป”
เป็นต้นจัดเป็นสภาวะที่สำเร็จมาจากเหตุ (อภิ.ปญฺจ.อ. 720-721/279)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :766 }