เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 10. ธัมมตัณหานทุกขสมุทโยติกถา (135)
ปร. ตัณหานั้นเป็นธัมมตัณหามิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. หากตัณหานั้นเป็นธัมมตัณหา ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า “ธัมม-
ตัณหาเป็นอัพยากฤต”
ธัมมตัณหาอัพยากตาติกถา จบ

10. ธัมมตัณหานทุกขสมุทโยติกถา (135)
ว่าด้วยธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัย
[681] สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. รูปตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. สัททตัณหา ฯลฯ คันธตัณหา ฯลฯ รสตัณหา ฯลฯ โผฏฐัพพตัณหา
ไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. รูปตัณหาเป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ธัมมตัณหาเป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายปุพพเสลิยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 681-685/272)
2 เพราะมีความเห็นว่า ธัมมตัณหาไม่ใช่เหตุแห่งทุกขสัจ ดังนั้นจึงไม่นับเข้าในสมุทัย ซึ่งต่างกับความ
เห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ขึ้นชื่อว่าตัณหาแล้วจัดเป็นทุกขสมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์)ทั้งนั้น (อภิ.ปญฺจ.อ.
681-685/272)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :729 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 10. ธัมมตัณหานทุกขสมุทโยติกถา (135)
สก. สัททตัณหา ฯลฯ คันธตัณหา ฯลฯ รสตัณหา ฯลฯ โผฏฐัพพตัณหา
เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ธัมมตัณหาเป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[682] สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ตัณหาพระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นทุกขสมุทัยมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากตัณหา พระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นทุกขสมุทัย ท่านก็ไม่ควรยอม
รับว่า “ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัย”
สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โลภะพระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นทุกขสมุทัย ธัมมตัณหาเป็นโลภะมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากโลภะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นทุกขสมุทัย และธัมมตัณหาเป็น
โลภะ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัย”
[683] สก. โลภะคือธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โลภะคือรูปตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :730 }