เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 2. กุสลปฏิลาภกถา (127)
2. กุสลปฏิลาภกถา (127)
ว่าด้วยการได้จิตที่เป็นกุศล
[658] สก. บุคคลผู้กัปปัฏฐะไม่พึงได้จิตที่เป็นกุศลใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. บุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงให้ทานใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากบุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงให้ทาน ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “บุคคลผู้
กัปปัฏฐะไม่พึงได้จิตที่เป็นกุศล”
สก. บุคคลผู้กัปปัฏฐะไม่พึงได้จิตที่เป็นกุศลใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. บุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงถวายจีวร ฯลฯ บิณฑบาต ฯลฯ เสนาสนะ ฯลฯ
คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ฯลฯ ของขบเคี้ยว ฯลฯ ของบริโภค ฯลฯ น้ำดื่ม ฯลฯ
พึงไหว้พระเจดีย์ ฯลฯ ยกดอกไม้ ฯลฯ ของหอม ฯลฯ เครื่องลูบไล้บูชาพระเจดีย์
ฯลฯ ทำประทักษิณพระเจดีย์ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากบุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงทำประทักษิณพระเจดีย์ ท่านก็ไม่ควรยอมรับ
ว่า “บุคคลผู้กัปปัฏฐะไม่พึงได้จิตที่เป็นกุศล ฯลฯ”

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอุตตราปถกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 658-659/267)
2 เพราะมีความเห็นว่า ผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกันนอกจากจะไม่มีโอกาสบรรลุฌาน มรรคและผลแล้ว แม้แต่
กุศลขั้นหยาบ เช่น ทาน ศีล ก็ทำไม่ขึ้น ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
ไม่สามารถบรรลุฌาน มรรคและผลในชาตินี้เท่านั้น แต่สามารถสร้างกุศลอย่างอื่น เช่น ให้ทาน รักษาศีลได้
(อภิ.ปญฺจ.อ. 658-659/267)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :712 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 3. อนันตราปยุตตกถา (128)
[659] ปร. บุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงได้จิตที่เป็นกุศลใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. บุคคลผู้กัปปัฏฐะพึงได้จิตที่เป็นกุศลเป็นเหตุออกจากจิตที่เป็นอกุศลนั้น
ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พึงได้จิตที่เป็นกุศลที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ อรูปารจร ฯลฯ โลกุตตระใช่ไหม
สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
กุสลปฏิลาภกถา จบ

3. อนันตราปยุตตกถา (128)
ว่าด้วยบุคคลผู้ใช้ให้ทำอนันตริยกรรม
[660] ปร.1 บุคคลผู้ใช้ให้ทำอนันตริยกรรมพึงก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม2 ได้ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พึงก้าวลงสู่มิจฉัตตนิยาม3 และสัมมัตตนิยามทั้ง 2 ใช่ไหม
สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปร. บุคคลผู้ใช้ให้ทำอนันตริยกรรมพึงก้าวลงสู่สัมมัตตนิยามได้ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. กรรมที่ใช้ให้ทำนั้นก่อความรำคาญใจให้ ให้เกิดความเดือดร้อนใจมิใช่หรือ
สก. ใช่

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอุตตราปถกะ ซึ่งมีความเห็นว่า ผู้ที่ใช้ให้คนอื่นทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่า
มารดา ฆ่าบิดา เป็นต้น ถึงจะไม่ใช่ผู้ทำอนันตริยกรรมโดยตรง แต่ก็ต้องถือว่ารับผลของอนันตริยกรรม
แน่นอน ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ถ้าผู้ถูกใช้ให้ทำ ไม่ทำตรงตามที่สั่งให้ทำ ผู้สั่งไม่ต้อง
รับโทษของอนันตริยกรรม (อภิ.ปญฺจ.อ. 660-662/267-268)
2 สัมมัตตนิยาม ในที่นี้หมายถึงอริยมรรค (อภิ.ปญฺจ.อ. 663-664/269)
3 มิจฉัตตนิยาม ในที่นี้หมายถึงอนันตริยกรรม (อภิ.ปญฺจ.อ. 663-664/269)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :713 }