เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [12. ทวาทสมวรรค] 2. กัมมกถา (117)
สก. เจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายกิริยาไม่มีวิบากใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากเจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายกิริยาไม่มีวิบาก ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า
“เจตนาทั้งปวงมีวิบาก”
สก. เจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายวิบาก ที่เป็นกามาวจร ที่เป็นรูปาวจร ที่
เป็นอรูปาวจร ที่เป็นโลกุตตระ ไม่มีวิบากใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากเจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายวิบาก ที่เป็นโลกุตตระ ไม่มีวิบาก
ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “เจตนาทั้งปวงมีวิบาก”
สก. เจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายกิริยาที่เป็นกามาวจร ที่เป็นรูปาวจร ที่เป็น
อรูปาวจร ไม่มีวิบากใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากเจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายกิริยา ที่เป็นอรูปาวจร ไม่มีวิบาก
ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “เจตนาทั้งปวงมีวิบาก”
[635] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “กรรมทั้งปวงมีวิบาก” ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวกรรม
ที่สัตว์มีเจตนาทำไว้ สั่งสมไว้ว่า สิ้นสุด เพราะยังไม่เสวยผล ก็ผลนั้นแลสัตว์ต้อง
เสวยในอัตภาพนี้ ในอัตภาพถัดไปหรือในอัตภาพต่อ ๆ ไป”1 มีอยู่จริงมิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. ดังนั้น กรรมทั้งปวงจึงมีวิบาก

กัมมกถา จบ

เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ องฺ.ทสก. (แปล) 24/217/357

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :694 }