เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [12. ทวาทสมวรรค] 1. สังวโรกัมมันติกถา (116)
สก. ความไม่สำรวมจักขุนทรีย์เป็นจักขุกรรมใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความไม่สำรวมกายินทรีย์เป็นกายกรรมใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ความไม่สำรวมโสตินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมฆานินทรีย์ ฯลฯ ความ
ไม่สำรวมชิวหินทรีย์ เป็นชิวหากรรมใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความไม่สำรวมมนินทรีย์เป็นมโนกรรมใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความไม่สำรวมมนินทรีย์เป็นมโนกรรมใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ความไม่สำรวมจักขุนทรีย์เป็นจักขุกรรมใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความไม่สำรวมมนินทรีย์เป็นมโนกรรมใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ความไม่สำรวมโสตินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมฆานินทรีย์ ฯลฯ
ความไม่สำรวมชิวหินทรีย์ ฯลฯ ความไม่สำรวมกายินทรีย์ เป็นกายกรรมใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[632] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “ความสำรวมก็ดี ความไม่สำรวมก็ดี เป็น
กรรม” ใช่ไหม
สก. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :691 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [12. ทวาทสมวรรค] 2. กัมมกถา (117)
ปร. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เห็นรูปทางตาแล้วเป็นผู้รวบถือ ฯลฯ ไม่เป็นผู้รวบถือ ฟังเสียงทางหู ฯลฯ รู้
ธรรมารมณ์ทางใจแล้วเป็นผู้รวบถือ ฯลฯ ไม่เป็นผู้รวบถือ”1 มีอยู่จริงมิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. ดังนั้น ความสำรวมก็ดี ความไม่สำรวมก็ดีจึงเป็นกรรม
สังวโรกัมมันติกถา จบ

2. กัมมกถา (117)
ว่าด้วยกรรม
[633] สก. กรรมทั้งปวงมีวิบากใช่ไหม
ปร.2 ใช่3
สก. เจตนาทั้งปวงมีวิบากใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. เจตนาทั้งปวงมีวิบากใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. เจตนาที่เป็นอัพยากฤตฝ่ายวิบากมีวิบากใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. เจตนาทั้งปวงมีวิบากใช่ไหม
ปร. ใช่

เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ ม.มู. (แปล) 12/349/381-382, องฺ.จตุกฺก. (แปล) 21/14/25
2 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 633-635/262)
3 เพราะมีความเห็นว่า กรรมทุกอย่างต้องให้ผล ไม่มีอโหสิกรรม ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า
เจตนาทุกอย่างเป็นกรรม เจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลให้ผล ส่วนเจตนาที่เป็นอัพยากฤตไม่ให้ผล
(เป็นอโหสิกรรม) (อภิ.ปญฺจ.อ. 633-635/262)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :692 }