เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [10. ทสมวรรค] 9. สมาทานเหตุกถา (103)
สก. สัมมาสมาธิคล้อยไปตามจิตใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. สัมมากัมมันตะ ฯลฯ สัมมาอาชีวะ คล้อยไปตามจิตใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[597] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “ศีลไม่คล้อยไปตามจิต” ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. เมื่อศีลเกิดขึ้นแล้วดับไป บุคคลผู้มีศีลดับไปแล้วนั้นเป็นผู้ทุศีลใช่ไหม
สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปร. ดังนั้น ศีลจึงไม่คล้อยไปตามจิต
สีลังนจิตตานุปริวัตตีติกถา จบ

9. สมาทานเหตุกถา (103)
ว่าด้วยศีลมีการสมาทานเป็นเหตุ
[598] สก. ศีลที่มีการสมาทานเป็นเหตุ เจริญได้ใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
ที่มีการสมาทานเป็นเหตุ เจริญได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 598/254)
2 เพราะมีความเห็นว่า เพียงแต่สมาทานศีลเท่านั้น ศีลก็เจริญขึ้นอย่างต่อเนื่อง (อภิ.ปญฺจ.อ. 598/254)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :652 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [10. ทสมวรรค] 9. สมาทานเหตุกถา (103)
สก. ศีลที่มีการสมาทานเป็นเหตุ เจริญได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ศีลเจริญได้เหมือนเถาวัลย์ เหมือนเถาย่านทราย เหมือนต้นไม้ เหมือน
ต้นหญ้า เหมือนหญ้าปล้องใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[599] สก. ศีลที่มีการสมาทานเป็นเหตุ เจริญได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. เมื่อบุคคลสมาทานศีลแล้ว ตรึกถึงกามวิตก ตรึกถึงพยาบาทวิตก
ตรึกถึงวิหิงสาวิตกอยู่ ศีลเจริญได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มีการประชุมแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ จิต 2 ดวงใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. มีการประชุมแห่งผัสสะ 2 อย่าง ฯลฯ จิต 2 ดวงใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. สภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต
ที่เป็นฝ่ายดำ1 เป็นฝ่ายขาว2 และเป็นฝ่ายมีส่วนเปรียบ3 มาประชุมกันได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. สภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล ที่มีโทษและไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต
ที่เป็นฝ่ายดำ เป็นฝ่ายขาว และเป็นฝ่ายมีส่วนเปรียบ มาประชุมกันได้ใช่ไหม
ปร. ใช่

เชิงอรรถ :
1 ฝ่ายดำ หมายถึงสังกิเลสธรรม (ธรรมเครื่องทำใจให้เศร้าหมอง) (ที.ปา.ฏีกา 144/78)
2 ฝ่ายขาว หมายถึงโวทานธรรม (ธรรมเครื่องทำใจให้ผ่องแผ้ว) (ที.ปา.ฏีกา 144/78)
3 มีส่วนเปรียบ หมายถึงสังกิเลสธรรมเป็นข้าศึกกับโวทานธรรมตามลำดับ โดยการแสดงการเปรียบเทียบว่า
สังกิเลสธรรมเป็นธรรมที่ควรละ ส่วนโวทานธรรมเป็นธรรมที่ละ (ที.ปา.ฏีกา 144/78)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :653 }