เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [8. อัฏฐมวรรค] 8. อรูเปรูปกถา (80)
8. อรูเปรูปกถา (80)
ว่าด้วยรูปในอรูป
[524] สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. อรูปภพนั้นเป็นรูปภพที่มีรูป เป็นคติที่มีรูป เป็นสัตตาวาสที่มีรูป
เป็นสงสารที่มีรูป เป็นกำเนิดที่มีรูป เป็นการได้อัตภาพที่มีรูปใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. อรูปภพนั้นเป็นภพที่ไม่มีรูป เป็นคติที่ไม่มีรูป เป็นสัตตาวาสที่ไม่มีรูป
เป็นสงสารที่ไม่มีรูป เป็นกำเนิดที่ไม่มีรูป เป็นการได้อัตภาพที่ไม่มีรูปมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากอรูปภพนั้นเป็นภพที่ไม่มีรูป ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพที่ไม่มีรูป ท่านก็
ไม่ควรยอมรับว่า “ในอรูปภพ รูปมีอยู่”
สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. อรูปภพนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 5 เป็นคติ ... เป็นสัตตาวาส ... เป็นสงสาร
เป็นกำเนิด ... เป็นวิญญาณฐิติ ... เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 5 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. อรูปภพนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 4 ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 4
มิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากอรูปภพนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 4 เป็นคติ ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพ
ที่มีขันธ์ 4 ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “ในอรูปภพ รูปมีอยู่”

เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอันธกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 528/238)
2 เพราะมีความเห็นว่า ในอรูปภพก็มีรูป แต่เป็นรูปที่ละเอียด ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ไม่มี
รูป (อภิ.ปญฺจ.อ. 524/238)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :564 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [8. อัฏฐมวรรค] 8. อรูเปรูปกถา (80)
[525] สก. ในรูปธาตุ รูปมีอยู่ และรูปธาตุนั้นเป็นภพที่มีรูป เป็นคติที่มีรูป
เป็นสัตตาวาสที่มีรูป เป็นสงสารที่มีรูป เป็นกำเนิดที่มีรูป เป็นการได้อัตภาพ
ที่มีรูปใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ และอรูปภพนั้นเป็นภพที่มีรูป เป็นคติ ฯลฯ
เป็นการได้อัตภาพที่มีรูปใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ในรูปธาตุ รูปมีอยู่ และรูปธาตุนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 5 เป็นคติ ฯลฯ
เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 5 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ และอรูปภพนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 5 เป็นคติ ฯลฯ
เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 5 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ และภพนั้นเป็นภพที่ไม่มีอรูป เป็นคติที่ไม่มีรูป
เป็นสัตตวาสที่ไม่มีรูป เป็นสงสารที่ไม่มีรูป เป็นกำเนิดที่ไม่มีรูป เป็นการได้
อัตภาพที่ไม่มีรูปใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ในอรูปธาตุ รูปมีอยู่ และอรูปธาตุนั้นเป็นภพที่ไม่มีรูป เป็นคติที่
ไม่มีรูป ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพที่ไม่มีรูปใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ในอรูปภพ รูปมีอยู่ และอรูปภพนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 4 เป็นคติ ฯลฯ
เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 4 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ในอรูปธาตุ รูปมีอยู่ และอรูปธาตุนั้นเป็นภพที่มีขันธ์ 4 เป็น
คติ ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพที่มีขันธ์ 4 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :565 }