พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [4. จตุตถวรรค] 4. สมันนาคตกถา (36)
สก. พระสกทาคามีล่วงเลยโสดาปัตติผลไปแล้วมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระสกทาคามีล่วงเลยโสดาปัตติผลไปแล้ว ท่านก็ไม่ควรยอมรับ
ว่า พระสกทาคามีบริบูรณ์ด้วยโสดาปัตติผล
สก. พระสกทาคามีล่วงเลยโสดาปัตติผลไปแล้ว ชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยโสดาปัตติผล
นั้นใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระสกทาคามีล่วงเลยโสดาปัตติมรรคไปแล้ว ล่วงเลยสักกายทิฏฐิ
ฯลฯ ล่วงเลยโมหะที่เป็นเหตุให้สัตว์ไปสู่อบายได้แล้ว ชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยสภาวธรรมมี
สักกายทิฏฐิเป็นต้นนั้นใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[396] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า พระอรหันต์บริบูรณ์ด้วยผล 4 ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พระอรหันต์ได้ผล 4 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 4 นั้นมิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. หากพระอรหันต์ได้ผล 4 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 4 นั้น ดังนั้น
ท่านจึงควรยอมรับว่า พระอรหันต์บริบูรณ์ด้วยผล 4
ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า พระอนาคามีบริบูรณ์ด้วยผล 3 ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พระอนาคามีได้ผล 3 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 3 นั้นมิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. หากพระอนาคามีได้ผล 3 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 3 นั้น ดังนั้น
ท่านจึงควรยอมรับว่า พระอนาคามีบริบูรณ์ด้วยผล 3
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [4. จตุตถวรรค] 4. สมันนาคตกถา (36)
ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า พระสกทาคามีบริบูรณ์ด้วยผล 2 ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. พระสกทาคามีได้ผล 2 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 2 นั้นมิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. หากพระสกทาคามีได้ผล 2 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 2 นั้น ดังนั้น
ท่านจึงควรยอมรับว่า พระสกทาคามีบริบูรณ์ด้วยผล 2
สก. พระอรหันต์ได้ผล 4 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 4 นั้น ดังนั้น
จึงชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยผล 4 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอรหันต์ได้มรรค 4 แล้วยังไม่เสื่อมจากมรรค 4 นั้น ดังนั้น
จึงชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยมรรค 4 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พระอนาคามีได้ผล 3 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 3 นั้น ดังนั้น จึงชื่อ
ว่าบริบูรณ์ด้วยผล 3 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอนาคามีได้มรรค 3 แล้วยังไม่เสื่อมจากมรรค 3 นั้น ดังนั้น
จึงชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยมรรค 3 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พระสกทาคามีได้ผล 2 แล้วยังไม่เสื่อมจากผล 2 นั้น ดังนั้น จึง
ชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยผล 2 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระสกทาคามีได้มรรค 2 แล้วยังไม่เสื่อมจากมรรค 2 นั้น ดังนั้น
จึงชื่อว่าบริบูรณ์ด้วยมรรค 2 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สมันนาคตกถา จบ