เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [3. ตติยวรรค] 8. ทิพพโสตกถา (28)
สก. มังสโสตะที่ธรรมอุปถัมภ์แล้วเป็นทิพยโสตะได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มังสโสตะเป็นสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือแล้ว
เป็นสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิไม่ยึดถือได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. มังสโสตะเป็นสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือแล้ว
เป็นสภาวธรรมที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิไม่ยึดถือได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มังสโสตะเป็นกามาวจรแล้วเป็นรูปาวจรได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. มังสโสตะเป็นกามาวจรแล้วเป็นรูปาวจรได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มังสโสตะเป็นรูปาวจรแล้วเป็นอรูปาวจรได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. มังสโสตะเป็นรูปาวจรแล้วเป็นอรูปาวจรได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มังสโสตะเป็นสภาวธรรมที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์แล้วเป็นสภาวธรรมที่ไม่
นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[376] สก. มังสโสตะที่ธรรมอุปถัมภ์แล้วเป็นทิพยโสตะได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ทิพยโสตะที่ธรรมอุปถัมภ์แล้วเป็นมังสโสตะได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. มังสโสตะที่ธรรมอุปถัมภ์แล้วเป็นทิพยโสตะได้ใช่ไหม
ปร. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :378 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [3. ตติยวรรค] 9. ยถากัมมูปคตญาณกถา (29)
สก. โสตะมีอย่างเดียวเท่านั้นใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. โสตะมีอย่างเดียวเท่านั้นใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสตะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มี 2 อย่างคือ มังสโสตะและทิพยโสตะ”
มิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากโสตะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “มี 2 อย่าง คือ มังสโสตะและ
ทิพยโสตะ” ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “โสตะมีอย่างเดียวเท่านั้น”
ทิพพโสตกถา จบ

9. ยถากัมมูปคตญาณกถา (29)
ว่าด้วยยถากัมมูปคตญาณ
[377] สก. ยถากัมมูปคตญาณ1 เป็นทิพยจักษุใช่ไหม
ปร.2 ใช่
สก. บุคคลมนสิการถึงสัตว์ที่เป็นไปตามกรรมและเห็นรูปได้ด้วยทิพยจักษุใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลมนสิการถึงสัตว์ที่เป็นไปตามกรรมและเห็นรูปได้ด้วยทิพยจักษุใช่ไหม
ปร. ใช่

เชิงอรรถ :
1 ยถากัมมูปคตญาณ หมายถึงปรีชาหยั่งรู้ถึงสัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม (อภิ.ปญฺจ.อ. 377/198)
2 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอันธกะ และนิกายสมิติยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 373/196)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :379 }