พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [3. ตติยวรรค] 5. อัฏฐมกกถา (25)
สก. บุคคลที่ 8 เจริญมรรค ฯลฯ เจริญโพชฌงค์ เพื่อละวิจิกิจฉาปริยุฏฐาน
ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลที่ 8 ไม่เจริญมรรคเพื่อละทิฏฐิปริยุฏฐานใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. บุคคลที่ 8 ละทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้วด้วยสภาวธรรมที่มิใช่มรรค เป็น
โลกิยะ เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯลฯ เป็นอารมณ์ของสังกิเลสใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลที่ 8 ไม่เจริญสติปัฏฐาน ฯลฯ ไม่เจริญโพชฌงค์ เพื่อละ
ทิฏฐิปริยุฏฐานใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. บุคคลที่ 8 ละทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้วด้วยสภาวธรรมที่มิใช่มรรค เป็น
โลกิยะ เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯลฯ เป็นอารมณ์ของสังกิเลสใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลที่ 8 ไม่เจริญมรรค ฯลฯ ไม่เจริญสติปัฏฐาน ฯลฯ ไม่เจริญ
โพชฌงค์ เพื่อละวิจิกิจฉาปริยุฏฐานใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. บุคคลที่ 8 ละวิจิกิจฉาปริยุฏฐานได้แล้วด้วยสภาวธรรมที่มิใช่มรรค
เป็นโลกิยะ เป็นอารมณ์ของอาสวะ ฯลฯ เป็นอารมณ์ของสังกิเลสใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[370] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า บุคคลที่ 8 ละทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้ว
ใช่ไหม
สก. ใช่
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [3. ตติยวรรค] 5. อัฏฐมกกถา (25)
ปร. ทิฏฐิปริยุฏฐานจักเกิดขึ้นใช่ไหม
สก. จักไม่เกิดขึ้น
ปร. หากจักไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า บุคคลที่ 8 ละ
ทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้ว
ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า บุคคลที่ 8 ละวิจิกิจฉาปริยุฏฐานได้แล้ว ใช่ไหม
สก. ใช่
ปร. วิจิกิจฉาปริยุฏฐานจักเกิดขึ้นใช่ไหม
สก. จักไม่เกิดขึ้น
ปร. หากจักไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า บุคคลที่ 8 ละ
วิจิกิจฉาปริยุฏฐานได้แล้ว
สก. เพราะท่านเข้าใจว่า ทิฏฐิปริยุฏฐานจักไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ 8 จึงยอม
รับว่า บุคคลที่ 8 ละทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้ว ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. เพราะท่านเข้าใจว่า ทิฏฐานุสัยจักไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ 8 จึงยอมรับว่า
บุคคลที่ 8 ละทิฏฐานุสัยได้แล้ว ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. เพราะท่านเข้าใจว่า ทิฏฐิปริยุฏฐานจักไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ 8 จึงยอม
รับว่า บุคคลที่ 8 ละทิฏฐิปริยุฏฐานได้แล้ว ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. เพราะท่านเข้าใจว่า วิจิกิจฉานุสัย ฯลฯ สีลัพพตปรามาสจักไม่เกิด
ขึ้นแก่บุคคลที่ 8 จึงยอมรับว่า บุคคลที่ 8 ละวิจิกิจฉานุสัย ฯลฯ สีลัพพต-
ปรามาสได้แล้ว ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ