เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 9. อนุปุพพาภิสมยกถา (18)
สก. จักขายตนะเป็นอายตนะ 12 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ครั้นเห็นจักขุธาตุโดยความเป็นสภาวะไม่เที่ยงแล้ว ก็เป็นอันเห็นธาตุ 18
โดยความเป็นสภาวะไม่เที่ยงใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. จักขุธาตุเป็นธาตุ 18 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ครั้นเห็นจักขุนทรีย์โดยความเป็นสภาวะไม่เที่ยงแล้ว ก็เป็นอันเห็น
อินทรีย์ 22 โดยความเป็นสภาวะไม่เที่ยงใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. จักขุนทรีย์เป็นอินทรีย์ 22 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ 41 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสดาปัตติผลมี 4 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ 82 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสดาปัตติผลมี 8 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

เชิงอรรถ :
1 หมายถึงญาณในอริยสัจ 4 มีทุกขญาณ เป็นต้น (อภิ.ปญฺจ.อ. 345/187)
2 หมายถึงญาณในอริยสัจ 4 และญาณในปฏิสัมภิทา 4 ที่มีได้ทั่วไปแก่พระสาวก (อภิ.ปญฺจ.อ. 345/187)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :325 }


พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 9. อนุปุพพาภิสมยกถา (18)
สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ 121 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสดาปัตติผลมี 12 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลย่อมทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ 442 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสดาปัตติผลมี 44 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. บุคคลทำให้แจ้งโสดาปัตติผลด้วยญาณ 773 ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โสดาปัตติผลมี 77 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[346] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “มีการบรรลุธรรมโดยลำดับ” ใช่ไหม
สก. ใช่

เชิงอรรถ :
1 หมายถึงญาณในปฏิจจสมุปบาทซึ่งมีองค์ 12 (อภิ.ปญฺจ.อ. 345/187)
2 หมายถึงญาณที่ท่านกล่าวไว้ในนิทานวรรคอย่างนี้ว่า ญาณในชราและมรณะ ญาณในชรา มรณะ และ
สมุทัย (อภิ.ปญฺจ.อ. 345/187)
3 หมายถึงญาณที่ท่านกล่าวไว้ในนิทานวรรคอย่างนี้ว่า ชราและมรณะเป็นของไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง
อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้นไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา (อภิ.ปญฺจ.อ. 345/187)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :326 }