เมนู

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
ชนะอย่างวิเศษแล้ว กำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัย ทำให้แจ้งนิโรธ เจริญมรรคแล้ว รู้ยิ่ง
ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ละธรรมที่ควรละ เจริญธรรมที่ควร
เจริญ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้วมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระอรหันต์เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ ทำกิจที่ควรทำ
เสร็จแล้ว ฯลฯ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “น้ำอสุจิ
และการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่”
[312] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน1
มีอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น2 ไม่มี
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน
มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่นไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน
ไม่มีใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

เชิงอรรถ :
1 ผู้ฉลาดในธรรมของตน ในที่นี้หมายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นปัญญาวิมุต เพราะบำเพ็ญวิปัสสนาล้วน ๆ มิได้
สัมผัสวิโมกข์ 8 แต่สิ้นอาสวะเพราะเห็นด้วยปัญญา (อภิ.ปญฺจ.อ. 312/182)
2 ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ในที่นี้หมายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นอุภโตภาควิมุต เพราะบำเพ็ญสมถกัมมัฏฐานได้
สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยนามกาย ได้เจโตวิมุตติขั้นอรูปสมาบัติและสิ้นอาสวะเพราะเห็นด้วยปัญญา (อภิ.ปญฺจ.อ.
312/182)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 37 หน้า :258 }