พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [1. มหาวรรค] 4. ชหติกถา
สก. เจริญมรรคทั้ง 3 ประการได้ไม่ก่อนไม่หลังใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. เจริญมรรคทั้ง 3 ประการได้ไม่ก่อนไม่หลังใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ทำให้แจ้งสามัญญผลทั้ง 3 ประการได้ไม่ก่อนไม่หลังใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ทำให้แจ้งสามัญญผลทั้ง 3 ประการได้ไม่ก่อนไม่หลังใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. มีการประชุมแห่งผัสสะ 3 เวทนา 3 สัญญา 3 เจตนา 3 จิต 3
สัทธา 3 วิริยะ 3 สติ 3 สมาธิ 3 ปัญญา 3 ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ปุถุชนผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม ดำรงอยู่ในอนาคามิผลพร้อม
กับการได้บรรลุธรรมใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ด้วยโสดาปัตติมรรคใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ด้วยสกทาคามิมรรคใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น
สก. ด้วยมรรคไหน
ปร. ด้วยอนาคามิมรรค
สก. ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสได้ด้วยอนาคามิมรรคใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [1. มหาวรรค] 4. ชหติกถา
2. สุตตาหรณกถา
ว่าด้วยการยกพระสูตรมาอ้าง
[281] สก. ปุถุชนละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสได้ด้วย
อนาคามิมรรคใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระผู้มีพระภาคตรัสโสดาปัตติผล(ว่ามี) เพราะละสังโยชน์ 3 ประการได้
มิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระผู้มีพระภาคตรัสโสดาปัตติผล(ว่ามี) เพราะละสังโยชน์ 3
ประการได้ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส
ได้ด้วยอนาคามิมรรค ฯลฯ
สก. ปุถุชนละกามราคะอย่างหยาบและพยาบาทอย่างหยาบได้ด้วยอนาคามิ-
มรรคใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ละกามราคะอย่างหยาบและพยาบาทอย่างหยาบได้ด้วยอนาคามิมรรค
ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระผู้มีพระภาคตรัสสกทาคามิผล(ว่ามี) เพราะความเบาบางแห่งกามราคะ
และพยาบาทมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระผู้มีพระภาคตรัสสกทาคามิผล(ว่ามี) เพราะความเบาบางแห่ง
กามราคะและพยาบาท ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า ละกามราคะและพยาบาทอย่าง
หยาบได้ด้วยอนาคามิมรรค
สก. ปุถุชนเป็นผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม ดำรงอยู่ในอนาคามิผล
พร้อมกับการได้บรรลุธรรมใช่ไหม
ปร. ใช่