เมนู

พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 7. สัตตกนิทเทส
บุคคลผู้โผล่ขึ้นแล้วข้ามไป เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้โผล่ขึ้น ได้แก่ เขามีศรัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี
... มีโอตตัปปะดี ... มีวิริยะดี ... มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย บุคคลนั้น
เพราะสังโยชน์ 3 ประการสิ้นไป และเพราะทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบาง เป็น
สกทาคามี กลับมาสู่โลกนี้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ บุคคล
เช่นนี้ชื่อว่าโผล่ขึ้นแล้วข้ามไป
บุคคลผู้โผล่ขึ้นแล้วได้ที่พึ่ง เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้โผล่ขึ้น ได้แก่ เขามีศรัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี
... มีโอตตัปปะดี ... มีวิริยะดี ... มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย และเพราะ
สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการสิ้นไป เป็นโอปปาติกะ จะปรินิพพานในเทวโลกนั้น
ไม่กลับมาจากภพนั้นเป็นธรรมดา บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าโผล่ขึ้นแล้วได้ที่พึ่ง
บุคคลผู้โผล่ขึ้นแล้วข้ามไปถึงฝั่งเป็นผู้ลอยบาปอยู่บนบก เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้โผล่ขึ้น ได้แก่ เขามีศรัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี
... มีโอตตัปปะดี ... มีวิริยะดี ... มีปัญญาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย และเขา
ทำให้แจ้งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าโผล่ขึ้นแล้วข้ามไปถึงฝั่งเป็น
ผู้ลอยบาปได้อยู่บนบก
[204] บุคคลผู้เป็นอุภโตภาควิมุตตะ เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายอยู่ และอาสวะของเขาย่อม
สิ้นไป เพราะเห็นด้วยปัญญา บุคคลนี้เรียกว่า ผู้เป็นอุภโตภาควิมุตตะ
[205] บุคคลผู้เป็นปัญญาวิมุตตะ
ฯลฯ
บุคคลผู้เป็นกายสักขี
ฯลฯ
บุคคลผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 36 หน้า :228 }