พระอภิธรรมปิฎก ปุคคลบัญญัติ 4. จตุกกปุคคลบัญญัติ
บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความเลื่อมใสในข้อปฏิปทาชั่ว ในข้อปฏิปทาผิดว่า
ข้อปฏิปทาดี ข้อปฏิปทาชอบ บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดง
ความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส (3)
บุคคลไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองแล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความไม่เลื่อมใสในข้อปฏิปทาดี ในข้อปฏิปทาชอบ
ว่า ข้อปฏิปทาชั่วบ้าง ข้อปฏิปทาผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าไม่พิจารณา ไม่
ไตร่ตรอง แล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส (4)
[165] บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวติเตียนพวกเดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ผู้ปฏิบัติชั่ว
ปฏิบัติผิดว่า ปฏิบัติชั่วบ้าง ปฏิบัติผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา ไตร่ตรอง
แล้วกล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน (1)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าผู้
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบว่า ปฏิบัติดีบ้าง ปฏิบัติชอบบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา
ไตร่ตรองแล้วกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ (2)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วแสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใส เป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้แสดงความไม่เลื่อมใสในข้อปฏิปทาชั่ว ข้อปฏิปทาผิดว่า
ข้อปฏิปทาชั่วบ้าง ข้อปฏิปทาผิดบ้าง บุคคลเช่นนี้ชื่อว่าพิจารณา ไตร่ตรองแล้ว
แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส (3)
บุคคลพิจารณา ไตร่ตรองแล้วแสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส
เป็นไฉน